POLITICS

‘ชูวิทย์’ เปิดหลักฐานการซื้อขายที่ดินย่านสารสิน กล่าวหา ‘เศรษฐา’ ทำนิติกรรมอำพรางเลี่ยงภาษี

วันนี้ (3 ส.ค. 66) เวลา 12:30 น. ที่โรงแรมเดอะเดวิส บางกอก ซอยสุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ แถลงข่าว “แฉเพื่อชาติ EP1” เปิดข้อมูลการซื้อขายที่ดินย่านถนนสารสิน มูลค่ากว่า 1,570 ล้านบาท เมื่อปี 2562 ระบุนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย

นายชูวิทย์ ระบุว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่แพงที่สุดในประเทศไทย เพราะปกติราคาที่ดินจะตกอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อตารางวา แต่ที่ดินนี้มีการประเมินซื้อขายของบริษัทตกตารางวาละ 4 ล้านบาท โดยได้ทำการแบ่งโอนที่ดินทั้งแปลงจากโฉนดหมายเลขเดียวกัน มีชื่อ 12 คน และได้ทำการแยกโอน 12 คน 12 วันติดกัน และจ่ายภาษี 59.2 ล้านบาท

เพื่อไม่ให้เข้าลักษณะ “คณะบุคคล” ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 35 เปอร์เซ็นต์ ทำให้รัฐเสียรายได้กว่า 521 ล้านบาท

นายชูวิทย์ อธิบายว่า การโอนที่ดินในลักษณะนี้ เป็นการเลี่ยงเสียภาษีในฐานะห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน หรือ คณะบุคคล เพราะต้องเสียจำนวนเงินเยอะกว่าการแยกจ่ายเป็น 12 วัน และยังเห็นว่ามีความผิดปกติในโฉนดที่ระบุถึงเงินมัดจำค่าที่ดินแต่ละวันไม่ตรงกัน ส่วนใหญ่ใช้เงินสดมากกว่าร้อยละ 50 ในการวางมัดจำ ซึ่งเป็นเงินครั้งละกว่า 200 ล้านบาท ซึ่ง นายชูวิทย์ มองว่าผิดปกติ เพราะเงินจำนวนมากขนาดนี้จะต้องจ่ายด้วยเช็ค แต่ครั้งนี้กลับจ่ายเป็นเงินสด

นายชูวิทย์ ยังเปิดหลักฐานรายงานการประชุม เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ที่มีมติให้แยกโอนที่ดินรวม 12 วัน ที่มีการลงนามรับรองโดย นายเศรษฐา ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ในขณะนั้น พร้อมกันนี้ นายชูวิทย์ ยังอ้างว่า บริษัทเคยมาติดต่อซื้อที่ดินของ นายชูวิทย์ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท มาแล้ว แต่ไม่ขายให้เนื่องจากติดสัญญาซื้อขายกับบริษัทรายอื่นอยู่ และได้ขายไปให้กับบริษัทดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว พร้อมยืนยันว่า การที่ออกมาเปิดเผยในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดิน และไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองกับนายเศรษฐา เป็นการส่วนตัว แต่เป็นการออกมาพูดเพื่อประโยชน์สาธารณะ เพราะต้องการให้นายกรัฐมนตรีมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ตามมาตรา 160 ของรัฐธรรมนูญ

นายชูวิทย์ ระบุว่า หลังจากนี้จะนำเรื่องดังกล่าวส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. กรมสรรพากร และประธานรัฐสภา ตรวจสอบความผิดปกติของการหลีกเลี่ยงภาษีของ เศรษฐา ซึ่งถือว่าทำให้รัฐเสียหายกว่า 521 ล้านบาท ต่างจากกรณีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แม้ว่าจะถูกกล่าวหาว่าถือครองหุ้นสื่อ 42,000 หุ้น แต่ยังไม่ทำความเสียหายให้กับประเทศ

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า จะเตรียมนำเรื่องดังกล่าวไปยื่นให้ สว. พิจารณาในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไป รวมถึงยื่นต่อพรรคก้าวไกล ที่นำเสนอไว้มาโดยตลอดว่าจะขจัดกลุ่มทุนผูกขาด หรือกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเมื่อทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน

สำหรับการออกมาเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ นายชูวิทย์ ระบุว่าเป็นการแฉเพื่อชาติ และเป็นเพียงเรื่องแรก ยังมีอีก 9 เรื่อง ที่ยังรอการเปิดเผย

Related Posts

Send this to a friend