‘อนุทิน’ ชี้ ไม่ควรให้ความสำคัญกับข่าวดีลล้มนายกฯ ยืนยันพรรคร่วมยังหนุน
‘อนุทิน’ บอกมีชื่อเป็นนายกฯ สำรองจากผลพวงเลือกตั้งปี 62 ชี้ ไม่ควรให้ความสำคัญข่าวดีลล้ม นายกฯ ยันพรรคร่วมหนุน
วันนี้ (3 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีมีชื่อเป็นนายกฯ สำรอง หากเกิดอุบัติทางการเมือง กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าเป็นผลพวงจากการเลือกตั้งปี 2562 ที่พรรคการเมืองใส่ชื่อบุคคลที่เห็นว่าควรจะได้รับเลือกได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าจะมีการซื้อเสียงจากพรรคเล็ก 5-30 ล้านบาท เพื่อล้มนายกฯ ทางพรรคภูมิใจไทยจะมีแนวทางช่วยนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเพียงข่าว ฟังแล้วมีเหตุผลหรือไม่ หากฟังแล้วไม่มีเหตุผลเราไม่ควรให้ความสำคัญ และการกระทำก็ไม่น่าเป็นไปได้ ส.ส.แต่ละคนหากเข้ามาแล้วทำตัวแบบนี้ก็ไม่รู้ ซึ่งแต่ละพรรคต้องมีมาตรการในการบริหารจัดการ และยืนยันว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มี
เมื่อถามว่าจะมีการล้มนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ไม่มี เพราะเราต้องทำงานต้องรับผิดชอบร่วมกัน
เมื่อถามต่อว่ามีการคาดการณ์ว่าในช่วงเดือนสิงหาคมสถานการณ์นายกฯ จะย่ำแย่ทั้งในเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และสถานการณ์รัฐบาล พรรคภูมิใจไทยจะมีมาตราการช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่นั้น นายอนุทิน ระบุว่าเราสนับสนุนรัฐบาลอยู่แล้วในการทำงานร่วมกัน นายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติแต่เป็นผู้มอบนโยบายให้กับกระทรวง หากมีการอภิปรายทุกคนจะต้องช่วยกันชี้แจง หากไม่ใช่เรื่องที่ชี้แจงไม่ได้ หรือเป็นเรื่องทุจริตที่เห็นได้ชัดก็ต้องสนับสนุนกันไปในการร่วมรัฐบาล
เมื่อถามต่อว่ากระบวนการซื้อเสียง ส.ส.จะเริ่มตั้งแต่การอภิปรายพิจารณารายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ซึ่งอาจจะมีการโหวตตก พ.ร.บ.ดังกล่าวนั้น ก็ต้องไปถามคนที่ขาย แต่ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่มี และเสียงแต่ละพรรค หัวหน้าพรรคต่างๆ ก็ยังไม่มีการมาหารือในคณะรัฐมนตรีว่าจะทำอย่างไรดี หรือการควบคุมเสียงส.ส.ไม่ได้แล้ว หากมีการโหวตเสร็จแน่ หากเป็นเช่นนั้นนายกฯ จะต้องตัดสินใจทางการเมือง
แต่ตอนนี้ยืนยันว่ายังไม่มี ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ และสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล ให้เป็นไปด้วยความราบรื่นเรียบร้อย ซึ่งตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงการผ่อนคลายมาตรการและสนับสนุนให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งเปิดเทอม เร่งฉีดวัคซีนให้กับเด็กให้ครบตามเป้าหมาย และเมื่อหากเปิดเรียนได้ไม่มีปัญหาจะเร่งคลายมาตรการต่อไปทั้งเรื่องผับบาร์คาราโอเกะซึ่งมีการผ่อนคลายมาครึ่งทางที่เปลี่ยนให้เป็นร้านอาหารแทน หากควบคุมสถานการณ์ได้ประชาชนให้ความร่วมมือ วัคซีนทำงาน ก็จะสามารถผ่อนคลายได้ เพื่อเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นต่อไป
เมื่อถามย้ำว่ามองบทบาทพรรคเล็กที่ร่วมรัฐบาลอย่างไรหลังขณะนี้มีความเคลื่อนไหวอยู่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า ตนไม่ได้ติดตามข่าว ทำแต่งาน