‘เศรษฐา‘ ตอกกลับฝ่ายค้านอย่าทำให้โลกงง วันหนึ่งอยากเป็นฝ่ายค้าน วันหนึ่งจะเข้าร่วมรัฐบาล
‘เศรษฐา‘ โต้ไม่ใช่รัฐมนตรีโลกเซ็ง แต่จะเป็น รมว.คลังที่แก้จน ตอกกลับฝ่ายค้านอย่าทำให้โลกงง วันหนึ่งอยากเป็นฝ่ายค้าน วันหนึ่งจะเข้าร่วมรัฐบาล เตือนอย่าเป็นแมลงหวี่ คอยจ้องเล่นการเมือง
วันนี้ (3 เม.ย. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 สภาผู้แทนราษฎร โดยขอบคุณที่มีการอภิปรายแพร่หลายในข้อคิดเห็นต่าง ๆ ตนเองไม่ได้ไปไหนย้ายทำเนียบรัฐบาลมาอยู่ที่นี่ มาทำงานหลังบัลลังก์ สำหรับการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทุกครั้งที่บินไปต่างประเทศก็เพื่อเปิดโอกาส และสร้างการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ มั่นใจว่าจะมีผลตามมา
“ไม่มีหรอกที่นายกฯ บินไปเหมือนแมลงวัน ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเห็นฝ่ายค้านเป็นแมลงหวี่ คอยจ้องเล่นแต่การเมืองรัฐบาลพยายามเดินหน้าเต็มที่เพื่อนโยบายต่าง ๆ เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน”
เรื่องทุจริตคอรัปชั่นมั่นใจว่าไม่มี ที่มีการอภิปรายขอให้นำหลักฐานมายินดีที่จะโต้แย้ง หรือให้ความกระจ่างได้ ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมทำงานเพื่อประชาชนต่อไป เมื่อสัปดาห์ก่อนได้ให้ผู้แทนการค้าไทย เลขา BOI ชี้แจงผลสำเร็จ พร้อมมอบหมายให้ทูตและคณะทำงานของแต่ละประเทศที่ไปเยี่ยมเยือนคอยตามงานให้ และจะมีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง
การดึงดูดการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่แค่นำธุรกิจ หรือเม็ดเงินเขามาอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญหลายอย่างทั้งการอัปสกิล รีสกิล เทรนบัณฑิตจบใหม่ และวิศวกรที่ต้องปรับให้เข้ากับอุตสาหกรรมที่มีผลกำไรสูง ซึ่งจะต้องใส่เข้าไปในข้อตกลงการลงทุน เพื่อให้ประชาชนได้รับการฝึกงานที่เหมาะสมก้าวสู่โลกที่มีรายได้สูงขึ้น
ส่วนที่บอกว่ายังไม่เห็นมีเม็ดเงินเข้ามาในตลาดลงทุน นายเศรษฐา ชี้แจงว่าถ้าท่านทำงานจริงคงจะรู้คนลงทุน 5 แสนหรือหนึ่งล้านล้านบาทต้องใช้เวลา เราเห็นสัญญาณว่าเป็นบวกบวก เรามีตัวเลขชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 4 หลังเข้ารับตำแหน่ง และเดินทางไปต่างประเทศ ทำให้ประเทศมีเม็ดเงินเพิ่มมากขึ้น 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน ตัวเลขเงินลงทุน 5.5 แสนล้านบาท เป็นตัวเลขจริงที่ยื่นแผนการลงทุนเข้ามาแล้ว ไม่ใช่ตัวเลขที่จับต้องไม่ได้ ขอให้อดใจรออีกสองปีข้างหน้า เราจะเห็นเงินลงทุนเข้ามาในประเทศไทยอย่างมหาศาล ขอใช้คำว่า “สึนามิแห่งการลงทุน”
การที่บอกว่าตนเองไปขายการลงทุน ขณะที่ประเทศไทยเศรษฐกิจวิกฤต ต้องบอกว่าเรื่องโฆษณาประเทศ กับเศรษฐกิจวิกฤตเป็นคนละเรื่องกัน วิกฤตหรือไม่วิกฤตเป็นเรื่องที่โต้เถียงกัน แต่เรื่องที่ไม่ต้องโต้เถียงกันคือการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เกิดขึ้นแล้ว เรามาถูกทางแล้ว การเชื้อเชิญให้นักลงทุนมาไทย เราต้องให้เขารู้ว่าเรามีศักยภาพ
เรามีความพร้อมในทุกมิติ มีความพร้อมที่ซ่อนอยู่เยอะ ทั้งประชากรที่มีคุณภาพ พลังงานสะอาด ความสามารถในการเป็นศูนย์กลางการบิน อาหาร การท่องเที่ยว ค่าครองชีพที่เหมาะสม ทั้งนี้จุดยืนทางการต่างประเทศ เรามีความเป็นกลางทำให้หลายประเทศทั้งจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย และไต้หวันมีความสบายใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ หากไม่เชื่อตนเอง ก็ขอให้เชื่อในศักยภาพของประเทศ
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่าการเชื้อเชิญให้นักลงทุนมาลงทุนเป็นเรื่องสำคัญที่บอกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นรัฐมนตรีโรคเซ็งไม่จริง
“ตนเองมั่นใจว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่แก้จนให้กับประชาชน ขอฝากว่าอย่าเป็นฝ่ายค้านที่ทำให้โลกงง วันหนึ่งจะเป็นฝ่ายค้าน อีกวันมีข่าวว่าจะเข้าร่วมรัฐบาล กลัวพี่น้องประชาชนจะงงมากกว่า”
ส่วนเรื่องการจ้างงานตัวเลขผู้ว่างงานในไตรมาส 4 ปี 66 อยู่ที่ 3 หมื่นคน ลดลงจากช่วงปีก่อนร้อยละ 29 สถานการณ์ว่างงานของบัณฑิตจบใหม่อยู่ที่ร้อยละ 4.4 สะท้อนว่าตลาดแรงงานบัณฑิตจบใหม่มีสัญญาณดีขึ้น โดยการชี้แจงนี้ไม่ได้หมายความว่าเราทำหน้าที่ของเราเสร็จแล้ว แต่เชื่อว่าเรามาในทิศทางที่ดี จึงอยากทำต่อไป มั่นใจว่าแรงงานไทยจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะที่ประเด็นยางพารา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ข้อมูลไปแล้วอย่างครบถ้วน ที่พูดว่ารัฐบาลที่แล้วปราบยางเถื่อนแล้วราคายังไม่ขึ้น ไม่แน่ใจว่าไปปรับที่ไหน ขอชี้แจงว่าวิธีการปรับของรัฐบาลนี้ ไม่ได้คุยแค่กับกรมศุลกากร กระทรวงเกษตรฯ และฝ่ายความมั่นคง แต่มีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดมั่นใจว่าเราปราบยางเถื่อน มีผลชัดเจน จับต้องได้ การที่ยางพาราราคาขึ้น เพราะเราควบคุม ซัพพลายยังอยู่ 30% ทั่วโลก ผู้ซื้อมั่นใจในรัฐบาลซัพพลาย-ดีมานด์เพิ่ม ราคาก็จะขึ้นด้วย ไม่ใช่เรื่องอุบัติเหตุ แต่เป็นการทำงานของรัฐบาลบูรณาการของทุกฝ่าย
“ยืนยันตัวจริงเสียงจริงรัฐบาลเพื่อประชาชนครับ” นายเศรษฐา กล่าวทิ้งท้าย