POLITICS

กระทรวงเกษตรฯ ผนึก 3 กระทรวง เซ็น MOU หนุนใช้ยางพาราในภาครัฐ ดันราคายาง

กระทรวงเกษตรฯ ผนึก 3 กระทรวง เซ็น MOU หนุนใช้ยางพาราในภาครัฐ ตั้งเป้าดันราคายางสดแตะ 60–70 บาท ภายใน ต.ค.

วันนี้ (2 ต.ค. 68) เวลา 13.30 น. ที่ กรมชลประทาน สามเสน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา และ นายอัครา พรหมเผ่า รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ยางพาราในภาครัฐกับการยางแห่งประเทศไทย

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ โครงการเครือข่ายงานวิจัย ทดสอบและวิเคราะห์คุณภาพ ระหว่างการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กับกรมชลประทาน เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ และบูรณาการงานวิจัยร่วมกัน เน้นการศึกษาคุณสมบัติ วิเคราะห์ และพัฒนาวัสดุที่มีส่วนผสมของยางเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงานด้านชลประทาน

“การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้ยางพาราไทยนำมาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง เป็นรูปธรรม และมีความต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะทำหน้าที่ประสานและบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศให้ได้มากที่สุด“ ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า เราจะสร้างเสถียรภาพราคายาง ลดพึ่งพาการส่งออกวัตถุดิบ และสร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้แก่ชาวสวนยาง ตลอดจนช่วยยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ยางพาราไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนจะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนางานยางพาราทั้งระบบ

ทั้งนี้ กระบวนการดำเนินงานภายใต้ MOU จะรับซื้อและเปลี่ยนยางรถยนต์โดยใช้ยางของ กยท.เท่านั้น โดยจะเร่งออกระเบียบที่เกี่ยวข้อง และให้หน่วยงานภาครัฐเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ยางพาราจากของ กยท. เพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

“กระทรวงเกษตรฯ บูรณาการร่วมกับอีก 3 กระทรวง และการยางแห่งประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนราคายางพาราให้สูงขึ้น โดยตั้งเป้าว่าภายในเดือนตุลาคม ราคาน้ำยางสดจะขยับจากระดับปัจจุบันประมาณ 50 บาทต่อกิโลกรัม ไปสู่เพดาน 60–70 บาท และภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน ราคาต้องปรับสูงขึ้นกว่าเดือนตุลาคม“ ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า การลงนาม MOU ครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราให้มีตลาดรองรับอย่างมั่นคง โดยเฉพาะการใช้ยางพาราในโครงการภาครัฐต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การเรียน เฟอร์นิเจอร์ และโครงสร้างพื้นฐานของสถานศึกษา

นายอรรถกร กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะนำยางพารามาใช้ในอุปกรณ์สำหรับการซ้อมกีฬา รวมถึงอุปกรณ์ด้านการป้องกันต่าง ๆ ตลอดจนสิ่งที่คิดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาให้อุปกรณ์ทางการกีฬาของไทยต่อยอดไปสู่ระดับสากล

นายอัครา กล่าวว่า จะนำยาวพาราไปแปรรูปเป็นหมอน และนำไปประสานกับโรงพยาบาลทั่วประเทศเพื่อร่วมกันสนับสนุน

Related Posts

Send this to a friend