POLITICS

‘ปิติพงศ์’ ชี้ กรณี ส.ต.ท.หญิง สะท้อน ระบบเส้นสายฝากเลี้ยง สร้างความไม่เป็นธรรม

‘ปิติพงศ์’ ชี้ กรณี ส.ต.ท.หญิง สะท้อน “ระบบเส้นสายฝากเลี้ยง-ปัญหารัฐซ้อนรัฐ” สร้างความไม่เป็นธรรมกดทับสังคมไทย

วันนี้ (2 ก.ย. 65) ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีจากกรณีข่าว ส.ต.ท.หญิง ทำร้ายทหารรับใช้ ว่าจากกรณีดังกล่าว สะท้อนระบบเส้นสายฝากเลี้ยง ปัญหารัฐซ้อนรัฐ ที่สร้างความไม่เป็นธรรมและกดทับสังคมไทยไม่ให้ก้าวหน้า โดยระบุว่า

“จากกรณีข่าว ส.ต.ท.หญิง ทำร้ายทหารรับใช้ จนมีการเปิดโปงพบว่า ส.ต.ท.หญิงคนดังกล่าว ถูกนำชื่อไปสังกัดหน่วยงานความมั่นคงใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษมากมายตามมาไม่ว่าจะเป็นค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเบี้ยเสี่ยงภัย อายุราชการทวีคูณซึ่งจะมีผลต่อเรื่องเลื่อนยศ แต่กลับไม่ได้ไปทำหน้าที่จริงในพื้นที่แต่อย่างใด อีกทั้งยังมีชื่อเป็น “นักวิชาการ” ประจำกมธ.การกฎหมายวุฒิสภา มีการประชุม 9 ครั้งตลอดปี 2562 แต่ในบันทึกการประชุม ไม่ปรากฎชื่อ สตท.หญิง ไปประชุมเลยแม้แต่ครั้งเดียว และยังได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษากิตติมาศักดิ์ กมธ.ศึกษาตรวจสอบเรื่องทุจริตฯ วุฒิสภา ซึ่งประธาน กมธ.ชุดนี้ คือ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชาย พล.อ.ประวิตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เคยเข้าประชุมปี 2562 และ ปี 2563 เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น (มีประชุมปีละหลายสิบครั้ง) และปี 2564 และ 2565 ไม่ปรากฎข้อมูลการเข้าประชุม (ข้อมูลจากสำนักข่าว PPTV)”

“นอกจากนี้การที่ตำรวจอ้างว่ารับ ส.ต.ท.หญิง เข้ารับราชการ เนื่องจากเป็นวุฒิที่ขาดแคลน แต่ข้อเท็จจริงในปี 2560 มีคนจบ ปวส.แล้วตกงานจำนวนมาก ซึ่งการที่รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อ้างว่าเป็นวุฒิที่ขาดแคลนคือวุฒิ ปวส.ด้านการบัญชี โดยไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไปได้มีโอกาสเข้ามาแข่งขันในการรับราชการ ทำให้เกิดข้อสงสัยในกระบวนการการรับคนเข้าไปทำงานว่าทำอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ หรือใช้เส้นสนกลในอะไรในการเข้ารับราชการ”

“ปัญหานี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่เรื่องเมียน้อย ส.ว. แต่เมื่อสืบสาวไปจนเจอต้นตอ จะพบว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมันคือเส้นสนกลในของระบบรัฐราชการที่อุปถัมภ์ เอาพรรคพวกมาก่อนประชาชน จนเน่าเฟะไม่มีชิ้นดี”

“ผมขอเสนอให้มีการเอาชื่อกำลังพลทั้งหมดที่อยู่ในสังกัดจังหวัดชายแดนใต้มาเปิดเผย หรือไม่ก็สุ่มตรวจดูว่า มีรายชื่อใดบ้างที่ไปแต่ชื่อ แต่เจ้าตัวไม่ได้ไป และสิทธิพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเบี้ยเสี่ยงภัย ถูกโอนเข้าบัญชีใดบ้าง และขอเสนอให้มีการปฏิรูประบบราชการทั้งระบบ รัฐราชการแบบอุปถัมภ์ ที่กลายเป็นรัฐซ้อนรัฐ แล้วกัดกินประเทศไทย กัดกินเงินภาษีของประชาชน โดยที่มีคนได้ประโยชน์เพียงไม่กี่คนแต่คนไทยกลับเสียประโยชน์อย่างมหาศาล รัฐราชการที่ใหญ่เทอะทะแต่เพียงขนาด แต่ไร้ซึ่งประสิทธิภาพเช่นนี้ สมควรถูกสังคายนาให้มีขนาดที่เหมาะสม และได้ประสิทธิภาพสูงสุดกับคนไทย”

“เมื่อข้าราชการเป็นข้ารับใช้ประชาชน โดยมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เมื่อนั้นสังคมจะเป็นธรรม ประเทศจะก้าวหน้าทัดเทียมกับประเทศโลกที่หนึ่งได้เสียทีครับ”

Related Posts

Send this to a friend