‘ธนกร’ มอง ‘ทักษิณ’ ประกาศกลับบ้าน ส่งผลดีกับรวมไทยสร้างชาติ
วันนี้ (2 พ.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย ว่า ประธานยุทธศาสตร์พรรค และหัวหน้าพรรคก็ลงพื้นที่ทุกวัน รวมถึงมีการปราศรัยใหญ่ โดยในช่วงโค้งสุดท้ายทีมยุทธศาสตร์พรรคจะมีแคมเปญออกมาซึ่งมีความเป็นมืออาชีพ และเชื่อมั่นว่าจะสามารถเอาชนะใจประชาชนได้ และจากการลงผึ้งที่ภาคใต้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาความนิยมของ พลเอกประยุทธ์ แม้ว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ย้ายมารวมไทยสร้างชาติ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเห็นปรากฎตการอย่างนี้ในพื้นที่ภาคใต้ อย่างบางพื้นที่ที่มีรถแห่ไปและประชาชนไม่ทราบก็มีการออกมาต้อนรับด้วย นี่จึงเชื่อว่าในพื้นที่พักใต้ความนิยมของ พลเอกประยุทธ์ สูง
ส่วนที่ไม่มีกำหนดการลงพื้นที่ภาคอื่นจะถือว่าเป็นการละเลยการทำพื้นที่หรือไม่ นายธนกร ยืนยันว่า มีการลงไปแล้วครบทุกภาค แต่ช่วงสุดท้ายจะเน้นหนักไปยังพื้นที่ยุทธศาสตร์ อย่างวันพรุ่งนี้ (3พ.ค.) ก็จะลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ (7พ.ค.) ก็จะลงพื้นที่พังงาและกระบี่ (8พ.ค.) จังหวัดนราธิวาส (11พ.ค.) จะลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และปิดท้ายการปราศรัยใหญ่ที่กรุงเทพมหานครในวันที่ 12 พ.ค. พร้อมกับยอมรับว่า จะเร่งทำพื้นที่ยุทธศาสตร์ในช่วงท้าย
เมื่อถามว่ากรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโพสต์อยากกลับมาเลี้ยงหลาน จะถือเป็นนัยยะทางการเมืองหรือไม่ นายธนกร มองว่า ก็คงมีส่วนที่มีนัยยะทางการเมืองบ้าน จริงๆแล้วนายทักษิณ ก็ออกมาพูดแล้วหลายครั้ง แต่หากมองในมุมพรรครวมไทยสร้างชาติ การที่ออกมาพูดบ่อยๆมันจะทำให้ประชาชนคิดถึงพี่ตู่มากขึ้น และเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ 7-8 ปี ที่ พลเอกประยุทธ์ เข้ามาทำอะไรไปบ้าง ถ้าอีกฝั่งออกมาพูดบ่อยๆ และเป็นคนที่มีปัญหาในช่วงที่ผ่านมาก็เชื่อว่าประชาชนจะนึกถึง พลเอกประยุทธ์ มากขึ้น ซึ่งตนก็เชื่อว่าจะส่งผลต่อการเลือกตั้งเช่นกันโดยไปในทางบวก
นายธนกร กล่าวว่า สุดท้ายแล้วการเมืองก็จะบีบให้เหลือสองฝ่าย คือฝ่ายที่เลือก พลเอกประยุทธ์ และฝ่ายที่เลือกเพื่อไทย รวมถึงคนที่เลือกพรรคภูมิใจไทยและพรรคก้าวไกลเขาก็ตัดสินใจอยู่แล้ว แต่สุดท้ายแล้วประชาชนก็จะตัดสินใจเหลือเพียง 2 ฝั่ง ทั้งนี้มองว่า การที่นายทักษิณ ออกมาพูดบ่อยๆ จะทำให้การตัดสินใจของประชาชนง่ายขึ้นเพราะวันนี้ก็มีพลังเงียบอยู่เยอะ เพื่อให้ พลเอกประยุทธ์ได้ทำงานต่อ และยังนึกไม่ออกว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงประเทศจะไปสู่จุดไหน พร้อมมองว่าหลายคนก็ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน












