รังสิมันต์‘ เห็นด้วย รัฐบาลให้สัญชาติผู้อพยพ มอง สื่อสารไม่ชัด คนเข้าใจผิด

วันนี้ (17 พ.ย. 67) ที่พรรคประชาชน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลกรณีมอบสัญชาติไทยให้ผู้อพยพและบุตรจำนวน 4.8 แสนคน ว่า การที่รัฐบาลประกาศมอบสัญชาติให้กับบุคคลรวมถึงบุตร ของผู้อพยพจำนวน 4.8 แสนคนนั้น เรื่องนี้มีการศึกษามาเป็นเวลานานตั้งแต่สภาฯ ชุดที่แล้ว ซึ่งผู้อพยพ 4.8 แสนคนที่ว่า ก็คือคนไทยที่ตกหล่น สมควรที่จะได้รับสัญชาติไทยมาตั้งนานแล้ว คนเหล่านี้ก็คือคนไทยเหมือนพวกเราทุกคน เพียงแต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่สามารถได้รับสิทธิ์ที่เขาควรจะได้รับ หลายคนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก และเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา ทางกรรมาธิการก็มีการทำรายงานฉบับนี้ส่งไปให้รัฐบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามจะผลักดัน และต้องขอบคุณไปยังรัฐบาลที่เห็นถึงความสำคัญ ทำให้ 4.8แสนคน ตรงนี้มีโอกาสเป็นคนไทยอย่างภาคภูมิ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอาจเป็นช่องโหว่เอื้อทุนสีเทาหรือไม่ นายรังสิมันต์ ระบุว่า มีความเป็นไปได้ แต่ในหลักการทั้งรัฐบาล และกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ เห็นตรงกัน คือ ”ให้ก่อนถอนทีหลัง“ หากให้สัญชาติไปแล้วและภายหลังตรวจสอบพบว่าเกี่ยวกับทุนสีเทาที่ผิดกฎหมาย ก็สามารถถอนทีหลังได้และที่วันนี้ให้ไปก่อนเพราะเชื่อว่าคนที่สมควรได้รับมีมากกว่าทุนสีเทา ซึ่งเรื่องนี้เคยคุยกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีหลักการที่ตรงกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองการสื่อสารของรัฐบาลอย่างไรในเรื่องการให้สัญชาติ นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า ความเป็นจริงนั้น ทางรัฐบาลเขาใช้คำไม่ถูกต้อง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด โดยหลัก ๆ กฎหมายของประเทศเราการที่คนชาติอื่นขอแปลงสัญชาติหรือเปลี่ยนสัญชาตินั้น สามารถเป็นไปได้ แต่มีกระบวนการที่ไม่ง่ายโดยมีเรื่องของภาษา จำนวนปีในการอยู่ในประเทศไทยใช้เวลานานมาก ซึ่งกระบวนการของเรานั้นค่อนข้างเข้มข้น

นายรังสิมันต์ โรม กล่าวต่อว่า ถ้าดูกรอบคำแนะนำจากคณะกรรมาธิการความมั่นคง เราแนะนำในหลักการเช่นนี้ และยอมรับในการตัดสินใจของรัฐบาลในการบริหารจัดการให้ถูกต้องซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมีการตรวจสอบกัน

รังสิมันต์ โรม ยืนยัน “เราไม่ได้สนับสนุนให้ทุนสีเทา เราไม่ได้สนับสนุนให้คนชาติอื่นมาเป็นคนไทย เพียงแต่เราต้องการแก้ไขปัญหาคนไทยที่ตกหล่นเท่านั้น”