นายกฯ โวยฝ่ายค้านบอกไม่มีอะไรดีขึ้นสักอย่างทั้งที่ผลสำเร็จเพียบ
นายกฯ โวยไม่เป็นธรรม บอกไม่มีอะไรดีขึ้นสักอย่างทั้งที่ผลสำเร็จเพียบ ดักคอฝ่ายค้านอย่าใช้เวทีอภิปรายงบฯ หาเสียงล่วงหน้า ขอสภาฯ เร่งผ่านกฎหมายสำคัญอย่ามัวแต่ขัดแย้ง ย้ำ ไม่อยากย้อนกลับไปที่เก่า
วันนี้ (1 มิ.ย. 65) ที่อาคารรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วันที่ 2 ว่า ตนได้นั่งฟังมาตลอดตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ ขอบคุณในคำอภิปรายของบรรดาสมาชิกทั้งหลาย ตนเข้าใจดีและคิดว่าทุกคนมีความมุ่งหวังให้ประเทศเจริญก้าวหน้าเจริญเติมโต แต่นั่งฟังไปก็งงๆ อยู่เหมือนกันว่าวันนี้เราพิจารณางบประมาณประจำปี 2566 หรือไปพิจารณางบประมาณของพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งยังไม่ได้เป็นรัฐบาลในเวลานี้ อย่าใช้โอกาสนี้ในการหาเสียง เพราะผิดเวที
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการจัดเก็บรายได้ของรัฐ ทุกคนก็ทราบดีว่าวันนี้มีการผ่อนคลายผ่อนผันยืดอายุลดดอกเบี้ยอะไรต่างๆ ไปมากมาย รายได้ที่ได้กลับมาจึงเก็บได้น้อยลง เพราะสถานการณ์โควิด สงครามการค้าและสงครามความขัดแย้งในภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องยอมรับ และรัฐบาลต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้า
หลายปีที่ผ่านมาได้ทำหลายอย่างเพื่อจีดีพีสูงขึ้นและดูแลผู้ที่เดือดร้อน โดยมุ่งแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้ารายครัวเรือน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน สถานการณ์ในวันนี้เราต้องมองร่วมกันว่าทำอย่างไรให้ทุกคนอยู่รอด แน่นอนต้องมีความลำบาก รัฐบาลก็ลำบาก ไม่ได้สบายใจหรือมีความสุข คิดทุกวันและทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ขณะที่ผลสำเร็จหลายอย่างก็มีอยู่ ดังนั้นหากจะพูดกันเพียงว่าไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย ตนคิดว่าไม่เป็นธรรมมากนักและประชาชนจะไม่เข้าใจ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามวันนี้เราเก็บภาษีได้เพียงกว่า 10% ขณะที่ประเทศที่มีรายได้สูงมีการจัดเก็บภาษีกว่า 30% แต่เราก็ยังไม่ได้ไปรีดเลือดกับใคร เพราะรู้ว่ายังจัดเก็บไม่ได้ และประเทศไทยยังไม่เข้มแข็งเพียงพอ อยากทราบว่าที่ผ่านมานั้นโดยเฉพาะคนที่อภิปรายว่ารัฐบาลหารายได้ไม่เป็น มองย้อนกลับไปว่าตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาหลายปีเราทำใครไว้แล้วบ้าง สิ่งสำคัญคือการเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึง นั่นคือความเท่าเทียม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ที่นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.พรรคเพื่อไทย บอกว่า รัฐบาลไม่ทำอะไรเลย และไม่ให้ความสำคัญงบปี 66 นั้น รู้หรือไม่ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญงบการลงทุนต่างๆ อย่างไรบ้าง พร้อมทำโครงสร้างต่างๆ หลายปีที่ผ่านมาจนสำเร็จถึงวันนี้ รวมทั้งต้องทำกฎหมายใหม่อะไรต่างๆ ไม่ใช่นึกจะทำและทำได้หมดทุกอย่าง เราต้องอยู่ด้วยระเบียบ ข้อบังคับ กฎ กติกา และกฎหมายที่ต้องมีการปรับปรุงแก้ไข ในการปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของสภาในการพิจารณา
ดังนั้นกฎหมายอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินและประชาชนก็ขอให้ช่วยกันให้ผ่านให้เร็วๆ อย่ามัวแต่ขัดแย้งกันอยู่
นอกจากนี้หลายอย่างรัฐบาลต้องวางโครงสร้างพื้นฐานไว้ให้พร้อม ไม่ใช่ปีเดียวแล้วจะเสร็จ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เริ่มมาตั้งแต่ตนเข้ามาปีแรกจนถึงวันนี้และได้แบบนี้ออกมา
“ถ้าท่านบอกเพียงว่าจ่ายเงินเท่านั้นเท่านี้ คูณตัวเลขมาสิเท่าไหร่ ท่านหาเงินได้หรือยังตอนนี้ ขณะเดียวกันก็บอกว่า รัฐบาลไม่มีทางอื่นนอกจากรีดภาษี ผมรีดใครแล้วยัง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้หากไม่ใช่การขึ้นภาษี ก็ต้องหารายได้ใหม่ขึ้นมารัฐบาลพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะหารายได้ใหม่ จากในเรื่องผลงานวิจัยและพัฒนาซึ่งเดินหน้าไปได้มากพอสมควร วันนี้รัฐบาลก็ปรับแก้ 30% ของรัฐบาล จะซื้อสินค้าหรือผลงานวิจัยพัฒนาในประเทศเกี่ยวพันกับวิสาหกิจชุมชน แต่ต้องอยู่ในกระบวนการที่ถูกต้อง นั่นคือความเข้มแข็งของประชาชนที่เขารวมตัวกัน รวมตัวกันสร้างสรรค์ไม่ใช่รวมตัวกันแล้วแตกแยก ไม่มีใครบริหารได้หรอกท่ามกลางความขัดแย้ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะที่หนี้ครัวเรือน ยอมรับว่าต้องเพิ่มขึ้นต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน แล้วคิดว่าตนไม่รู้สึกหรือ ตนไม่เห็นใจคนเป็นหนี้หรือ ตนไม่เห็นใจคนจนหรือ จะเห็นได้ว่าโครงการหลายโครงการหลายงบประมาณทุ่มเทไปอย่างมหาศาลในการที่จะให้ประชาชนได้เข้าถึง ขณะเดียวกันตนบอกแล้วว่านโยบายคืออยู่รอดปลอดภัย พอเพียง ลดหนี้สินลดปัญหา ปลอดภัยทั้งสุขภาพปลอดภัยทุกเรื่อง
ท้ายที่สุดคือการเกิดความยั่งยืน มันต้องเดินอย่างนี้ หากรื้อทั้งหมด ถ้ามีโอกาสท่านทำเถอะ ขอให้ลองทำก็แล้วกัน นอกจากนี้ ทุกอย่างรัฐบาลคิดรัฐบาลทำเป็นการริเริ่ม แต่ต้องใช้เวลาใช้งบประมาณ นี่คือสิ่งดีๆที่ได้เกิดขึ้นแล้ว ท่านพูดเหมือนไม่มีอะไรดีสักอย่างเลย สิ่งนี้ตนจำเป็นต้องพูด
“ที่บอกว่าใช้งบกลางมีไว้เหลือเฟือมากมาย นายกฯเอาไว้ใช้เอง ไว้เอื้อประโยชน์ พูดอย่างนี้พูดแบบไม่มีหลักการอะไรเลย หลักการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินมีกฎหมายอยู่ทุกข้อทุกระเบียบใช้เงินตรงไหนอย่างไร ขอให้ตรวจสอบ ผมไม่เคยชี้ให้ทำโครงการนั้นโครงการนี้ ผมคือนายกฯ กำหนดนโยบายกำกับติดตามดูแล หาสิ่งใหม่ๆ มาคิด เอาวิสัยทัศน์มาให้ไปคิดว่าทำได้อย่างไร หากคนอีกอีกพันคนบอกทำไม่ได้ ต้องทำแบบนี้ผมก็ฟังเขา ผมไม่อยากย้อนกลับไปที่เก่า ผมทำงานราชการมา 8 ปี รู้อะไรอีกเยอะแยะมากมายว่าที่ผ่านมานั้นเป็นอย่างไร ถูกครอบงำหรือไม่ ถูกสั่งการหรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดเรื่องนี้กับผม เคยปรึกษาข้าราชการหรือไม่ เคยดูแผนสภาพัฒน์หรือไม่ เคยรู้จักคำว่ายุทธศาสตร์หรือไม่ ไม่เคยอ่าน ไม่เคยดู เพราะเป็นนายกฯ สั่งได้หมด สั่งถึงผู้ว่าฯ ถึงท้องถิ่นทำนี่ทำโน่น ผมไม่เคยทำแบบนั้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ในช่วงท้ายพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตนขอชี้แจงเพียงเท่านี้ก่อน แต่จริงๆ แล้วพูดได้ทั้งวัน เพราะทำกับมือทำเอง โดยใช้คณะทำงานเป็นร้อย กี่คณะขึ้นมาจากข้างล่าง ไม่ใช่คิดเองคิดคนเดียว คิด 10 คน 20 คน ยังไม่ต้องประท้วงตนในตอนนี้ขอบคุณ












