POLITICS

นายกฯ ออกข้อสั่งการด่วนรับมือแพร่ระบาดโควิด-19 งดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชน เพิ่มกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย

นายกรัฐมนตรี ออกข้อสั่งการด่วน รับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 ขอความร่วมมือหน่วยงานรัฐภาคเอกชน เรื่องกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชนเสียงการแพร่ระบาด ฝากกลุ่มผู้ชุมนุมเลื่อนกิจกรรมเน้นสุขภาพประชาชนเป็นหลัก เตรียมหารือมาตรการรับผีน้อยกลับบ้านพรุ่งนี้

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในมาตรการระยะเร่งด่วนสำหรับการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19
โดยในด้านการป้องกันโรคและสุขภาพ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐ ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ให้ระงับหรือเลื่อนการเดินทางไปศึกษา ดูงาน อบรม หลักสูตร หรือประชุม ในประเทศที่มีการระบาด ให้เจ้าหน้าที่ที่เดินทางกลับมาจาก หรือ เดินทางผ่าน หรือมีเส้นทางแวะผ่าน ประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อจำเป็นต้องสังเกตอาการ หยุดปฏิบัติงานภายในที่พัก 14 วันโดยไม่ถือเป็นวันลา ให้ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศดำเนินการคัดกรองอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่มีความจำเป็นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการขนส่งประชาชนกลุ่มดังกล่าวกลับภูมิลำเนาหรือไปยังสถานพาบาลอย่างเหมาะสม รวมถึงการกำกับดูแล การกักกันตนเอง ณ ที่พักอาศัย โดยให้มีการบูรณาการการดำเนินงานระหว่างชุมชน จิตอาสาอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และสถานพยาบาลในพื้นที่ ในการติดตาม เฝ้าระวังตรวจสอบ และป้องกันอย่างใกล้ชิด จัดให้มีศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COvD-19)ขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อบูรณาการข้อมูลจากทุกส่วนราชการ รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน และสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องให้กับสาธารณชนทุกหน่วยงานร่วมกันพิจารณาปริมาณความต้องการของสินค้ที่จำเป็นตการป้องกันการแพระบาด เช่น หน้กากอนามัย และน้ำยาฆ่าชื้อหรือเจลฆ่าเชื้อ 

นอกจากนี้ยังให้ทุกหน่วยงานบูรณาการคัดกรองทั้งในส่วนของพื้นที่สาธารณะ สถานที่ให้บริการด้านคมนาคมทุกแห่ง จัดพื้นที่สำหรับสังเกตุอาการกรณีที่มีความจำเป็น เพิ่มความถี่การประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ รายงานตรงนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการและภาครัฐหลีกเลี่ยง หรือเลื่อนการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชนจำนวนมากที่เสี่ยงมีการแพร่ระบาด

มอบให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จัดทำมาตรการบรรเทาผล กระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจจัดการให้ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

สำหรับ ปัญหาหน้ากากอนามัย ได้สั่งการให้ 11 โรงงานเพิ่มกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย และต้องมีการกระจายผ่านช่องทางต่างๆรวมถึงของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ทั่วถึงกับประชาชนทุกพื้นที่นอกจากนี้ยังมีมาตรการที่จะให้ท้องถิ่นผลิตหน้ากากอนามัยแบบผ้าจำนวน 50,000,000 ชิ้น ภายใน 10 วัน เพื่อให้เป็นทางเลือกและเพียงพอต่อความต้องการมากที่สุด ทั้งนี้หากพบมีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยพี่อาจเข้าข่ายไม่ถูกต้องก็ขอให้แจ้งข้อมูลเข้ามาที่หน่วยงานรัฐ

ส่วนแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับคนไทยที่จะเดินทางกลับจากเกาหลีนั้นจะมีการประชุมหารือในวันพรุ่งนี้เพื่อให้ได้ความชัดเจนถึงแนวทางปฏิบัติ ซึ่งเกาหลี มีมาตรการในการควบคุมอยู่แล้วส่วนหนึ่ง เท่ากับถูกกักตัวอยู่แล้ว 14 วัน ถึงไทยก็ต้องกักตัวอีก 14วัน หรือว่าหากตรวจพบเชื้อจะหาวิธีการที่เหมาะสม เข้าใจประชาชนยังไม่มั่นใจ ขอให้ประชาชนเข้าใจ ว่าโรคนี้ติดต่ออย่างไรไม่เช่นนั้นจะแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะเป็นโรคอุบัติใหม่ซึ่งวันนี้ไทยมีความพร้อม ด้านสาธารณสุขทั้งแพทย์ พยาบาล ยารักษาโรค แต่ต้องทดลองใช้ต่อไป เหมือนกับจีนที่ผลิตยาออกมา และไทยสั่งซื้อลักษณะใกล้เคียงกับยาของไทย

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุมถ้าเลื่อนได้ก็ขอให้เลื่อน ขอความร่วมมือ หากมีการจัดงานขอให้สถานที่จัดงานมีมาตรการ ดูแลตัวเอง เว้นแต่สิ่งที่รัฐบาลห้าม ปัญหาคือมีคนหลายกลุ่มหลายกิจกรรม ดังนั้นต้องดูผลดีผลเสีย โดยต้องให้ความสำคัญสุขภาพของประชาชนคนไทยเป็นหลัก

Related Posts

Send this to a friend