นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้ใช้ ม. 44 ดำเนินการกับ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในความผิดอนุมัติปล่อยกู้ให้เครือกฤษดามหานคร ยืนยันมีหลักฐานศาลฎีกา มีความเห็นชัดเจน มติบอร์ดบริหารช่วยเหลือในการให้เงินกู้ แฉเคยถูกคณะอนุ คตส. ตั้งข้อกล่าวหาแล้ว แต่ถูกตีตกในชั้นคณะกรรมการ คตส.
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ให้ใช้มาตรา 44 กับนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าเหมาะสมจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ เนื่องจากนายอุตตม มีความผิดครั้งเป็นกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย ในการปล่อยกู้เงินให้กับเครือกฤษดามหานคร วงเงินกว่า 9,900 ล้านบาท แม้ว่าขณะนั้น นายอุตตมไม่ถูกดำเนินคดี แต่กรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย 3 ใน 5 คนถูกดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านายอุตตมจะชี้แจงว่าไม่ได้เข้าร่วมประชุมในการพิจารณาอนุมัติ แต่มีหลักฐานชัดเจนคือรายงานการประชุมในวันที่ 18 ธ.ค. 2546 ที่นายอุตตมได้มีการเซ็นชื่อรับรอง จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่ นายอุตตมเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าคดีนี้เหตุใด จึงไม่พิจารณาเอาผิดคณะกรรมการทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจากคดีหวยบนดินที่มีการพิจารณาทั้งหมด
นายเรืองไกรยังเปิดเผยด้วยว่า นายอุตตมเคยถูกคณะอนุกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐหรือ คตส. ตั้งข้อกล่าวหาแต่มีมติให้ข้อกล่าวหาตกไปเพราะไม่มีพยานหลักฐาน ซึ่งข้อมูลนี้ตรงข้ามกับที่นายอุตตมกล่าวว่าไม่ผิด เพราะในการพิจารณาของศาลฎีกาลงความเห็นไว้ชัดเจนว่าการกระทำของคณะกรรมการบริหารกรุงไทยกระทำการฝ่าฝืน มีเจตนาช่วยเหลือในอนุมัติเงินกู้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่จะตั้งคณะกรรมการไต่สวนเอาผิดต่อไป แต่กลับไม่มีการดำเนินการ ดังนั้นการที่นายกรัฐมนตรีจัดตั้งนายอุตตม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงถือว่าไม่เหมาะสม และขอให้ยับยั้งหรือใช้กฎหมายมาตรา 44 ดำเนินการกับนายอุตตม ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีไม่มีการทบทวนการแต่งตั้งนายอุตตม หลังได้รับการโปรดเกล้าแล้วนายอุตตมได้เป็นรัฐมนตรีจะไปยื่นเรื่องกับคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต. พิจารณาคุณสมบัติ
ส่วนกรณีนายธรรมนัส พรหมเผ่า ที่คุณสมบัติอาจจะขัดต่อการเป็น ส.ส.กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน