นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมป.ป.ช.วันนี้มีมติเป็นเอกฉันท์ชี้มูลความผิดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ในคดีโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการตำรวจทดแทนจำนวน 396 แห่ง ทำให้สตช.ได้รับความเสียหายกว่า 1,700ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดจ้างจากเดิมเป็นแบบแยกการเสนอราคาเป็นรายภาคจำนวนหลายสัญญา มาเป็นรวมการจัดจ้างก่อสร้างที่ส่วนกลางครั้งเดียวและเป็นสัญญาเดียว โดยไม่เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งเป็นการอนุมัติโดยไม่มีอำนาจและนายสุเทพทราบอยู่แล้วว่าแนวทางนี้จะทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ป.ป.ช.จึงเห็นว่าการกระทำของนายสุเทพมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และชี้มูลความผิดพลตำรวจเอกประทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น มีความผิดมาตรา 157 และผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนอีก 8 ราย ส่วนผู้ถูกกล่าวหารายอื่น เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ และพลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ป.ป.ช.เห็นว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล จึงให้ข้อกล่าวหาตกไป
และมีมติชี้มูลความผิดนายสุเทพในคดีการทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยหรือแฟลตตำรวจจำนวน 163 หลัง ซึ่งทำให้สตช.ได้รับความเสียหายกว่า 3900 ล้านบาท แต่เห็นว่าเป็นกรรมเดียวกับกรณีสร้างโรงพักทดแทน โดยหลังจากนี้ป.ป.ช.จะตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ป.ป.ช.ยังมีมติชี้มูลความผิดนายวิรัชและนางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.พรรคเพื่อไทยในขณะนั้น กับพวกรวม24 ราย กรณีทุจริตการจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอล จังหวัดนครราชสีมา 6โรงเรียนมูลค่าความเสียหาย 15 ล้านบาท โดยพบว่าการแบ่งหน้าที่ วางแผนทุจริตอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณไปจนถึงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องเข้าเป็นคู่สัญญาและก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอลที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ส่วนโครงการในลักษณะเดียวกันนี้อีก 50 โรงเรียนใน 17 จังหวัด ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง
โดยป.ป.ช.จะส่งสำนวนคดีทั้ง 4 คดีนี้ต่ออัยการสูงสุดในวันพรุ่งนี้
ส่วนคดีนายพนม ศรศิลป์ อดีตผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตการเบิกจ่ายงบประมาณอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดพนันเชิงวรวิหาร โดยพบว่านายพนม มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ216 ล้านบาท ป.ป.ช.จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบให้มีคำสั่งขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งเบื้องต้นได้อายัดทรัพย์ไว้แล้วจำนวน 44 ล้านบาท ขณะที่ส่วนต่างที่เหลืออยู่ระหว่างการสืบทรัพย์ต่อไป