ทั้งนี้ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าสังเกตการณ์ภายในงาน เนื่องจากอยากให้ทุกคนสะท้อนปัญหาได้อย่างเต็มที่ หลังหารือไปนานกว่า 2 ชั่วโมง นายนิพิฏฐ์ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า การหารือในครั้งนี้เน้นเรื่องของยุทธศาสตร์ภาคใต้เป็นหลัก เพื่อปรับปรุงพัฒนาให้พรรคเดินไปข้างหน้า และกลับมาเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง
โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดที่ประมวลและนำเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ หวังจะให้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง พร้อมยืนยันว่าการหารือในวันนี้เป็นนัดหมายที่มีมาล่วงหน้า และไม่กังวลว่าจะถูกหมายหัว และไม่มีปัญหากับหัวหน้าพรรค เพราะสิ่งที่ทำในวันนี้เป็นความพยายามที่จะทำให้พรรคดีขึ้น ควรให้รางวัลพวกตนด้วยซ้ำ
ด้านนายสาทิตย์ กล่าวว่าพื้นที่ภาคใต้เป็นพื้นที่กำลังหลักของพรรคมากกว่า 20 ปี แต่ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นการจะทำให้พรรคกลับมาเป็นพรรคอันดับ 1 จะต้องนำความจริงมาพูดกัน จึงได้มีการสรุปบทเรียนในแต่ละพื้นที่ว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้พรรคพ่ายแพ้ และเขตที่ชนะมีปัจจัยอะไร
อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ทำการเมืองในรูปแบบที่คนภาคใต้คาดหวัง โดยจะนำข้อเสนอเหล่านี้ผ่าน นายนิพิฏฐ์ เข้าสู่กรรมการบริหารพรรค พร้อมขออย่ามองว่าเป็นความขัดแย้ง แต่ขอให้ยอมรับข้อเท็จจริงที่เป็นปัญหาเพื่อหาวิธีการแก้ไข ซึ่งจุดเริ่มต้น จะคิดถึงการทำงานในเชิงพื้นที่ และชุดความคิดเรื่องภาคใต้โดยเฉพาะ เพราะต้องยอมรับว่าการเมืองวันนี้ไม่แน่นอน ต้องเตรียมพร้อม เนื่องจากพรรคการเมืองอื่นก็รุกคืบไปในพื้นที่ภาคใต้ค่อนข้างเยอะ
ทั้งนี้ เมื่อข้อเสนอผ่านไปยังกรรมการบริหารพรรคและรัฐมนตรีแล้วก็จะรอดูว่า จะเกิดผลการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องไม่เกิน 1-2 เดือน แต่หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ก็ต้องมีการขับเคลื่อนเรื่องนี้กันต่อไป เพราะทั้งหมดนี่คืออนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้
นอกจากนี้ นายสาทิตย์ ยังเปิดเผยว่า ส.ส.ในภาคใต้สะท้อนตรงกันว่า ความนิยมในตัวพรรคที่เป็นมาในอดีตเปลี่ยนแปลงไปแล้ว จึงได้วิเคราะห์กันว่ามีเรื่องใดเป็นปัจจัยบ้าง จึงพบว่า มี ทั้งกระแส บุคคล และผู้นำ ดังนั้นหากการเลือกตั้งครั้งหน้า อยากชนะต้องศึกษาว่าอะไรเป็นปัจจัย ตอบสนองคนภาคใต้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นความหวัง
ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีปัจจัยเรื่องของผู้นำ เข้ามา แต่ไม่ได้พูดถึงผู้นำคนใดเป็นพิเศษ และเห็นตรงกันว่าผู้นำทัพมีส่วนสำคัญ หากมีชุดความคิดและผู้นำยอมรับเดินตามชุดความคิดนั้น ทำงานอย่างเป็นระบบการทำงานอย่างเป็นระบบ ก็เชื่อว่าจะทำให้พรรคดีขึ้น แต่ที่ผ่านมาปล่อยฟรีสไตส์ มีจอมยุทธกันมาก จึงต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่ เพราะทุกคนรู้ หากไม่ปรับตัวหนีตาย ก็จะตายหมด