ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในการเยือนพื้นที่ครั้งนี้ นายธนาธร และทีมงานยังได้รับปัญหาของผู้ประกอบการด้านต่างๆ ของทั้งสองจังหวัด อาทิ ผู้ประกอบการสถานบันเทิง อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ผู้ประกอบการรถตู้ ห้าบเร่แผงลอย และบริษัทนำเที่ยวซึ่งต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ถ้วนหน้า โดยนายธนาธร ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นตอนหนึ่งว่า สถานการณ์ในขณะนี้ พูดอย่างตรงไปตรงมาคือ ไม่ดีขึ้นในเร็ววันแน่นอน จะคลี่คลายอย่างเร็วที่สุดคือเมื่อมีวัคซีนเกิดขึ้น แล้วยังต้องรอการผลิตเพื่อกระจายสู่ประชากรทั้งโลกอีก
ดังนั้น ในช่วงนี้สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือการรักษากระแสเงินสดให้มากที่สุดและพยายามลดค่าใช้จ่ายลง สำหรับในจังหวัดพังงาและภูเก็ต สิ่งที่เป็นธุรกิจหลักคือธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ซึ่งวันนี้ผู้ประกอบการบางท่านได้แสดงความเห็นในเรื่องความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งตนเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ภาคธุรกิจจะสามารถมาร่วมกันใช้เวลาช่วงนี้ในการฟื้นฟูธรรมชาติและพื้นที่การท่องเที่ยว ปรับปรุงฟื้นฟูคุณภาพสินค้าและบริการให้รองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวในอนาคต ดังนั้น สิ่งที่ทำได้ในขณะนี้คือการฟื้นฟู แต่นอกจากการฟื้นฟูแล้วยังจำเป็นต้องสร้างสิ่งใหม่ ที่ผ่านมาเราขาย sea-sand-sun ของเดิมมาตลอด เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะสร้างจุดขายใหม่ขึ้นมา
“แน่นอนว่าหลายอย่างเป็นเรื่องที่ภาครัฐต้องดำเนินการ แต่คำถามคือถ้าภาครัฐไม่ฟังก์ชั่นและไม่เข้ามาดำเนินการจะทำอย่างไร สำหรับผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ชุมชนจะร่วมลงแรงลงใจทำกันเองโดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากภาครัฐ ผมเข้าใจดีถึงความรู้สึกว่าพึ่งพารัฐไม่ได้ เมื่ออำนาจถูกรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลาง และท้องถิ่นไม่มีอำนาจในการตัดสินใจอะไรเลย แต่เรื่องพวกนี้ถ้าชุมชน ภาคประชาสังคมมีข้อเสนอที่ดี มีข้อเสนอในการพัฒนาท้องถิ่นร่วมกันไปในทิศทางเดียว ถ้าประชาสังคมมีพลัง เอกชนมีพลัง ลงมือคนละไม้ละมือทำกันได้ ก็สามารถลงมือทำได้ทันที นี่เป็นเรื่องที่ผมมีความสนใจอยู่ และอยากมาช่วยดำเนินกระบวนการในการสร้างนโยบายในการพัฒนาให้กับทุกคนที่นี่อีกครั้งในการมาเยือนในครั้งต่อๆ ไป” นายธนาธร กล่าว