LIFESTYLE

‘กรุงศรี ออโต้’ แนะเทคนิคเลือกหมวกกันน็อกเด็ก เน้นปลอดภัย ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ

วันนี้ (28 พ.ค. 2568) กรุงศรี ออโต้ ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกหมวกกันน็อกสำหรับเด็กอย่างถูกวิธี เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนนและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ LET’sponsible ที่มุ่งปลูกฝังความรับผิดชอบต่อสังคมและความปลอดภัยในการเดินทาง

เนื่องจากรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลักของหลายครอบครัว รวมถึงครอบครัวที่มีเด็ก การเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์อาจมีความเสี่ยงหากไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม กรุงศรี ออโต้ จึงได้แนะนำเกณฑ์การพิจารณาในการเลือกซื้อหมวกกันน็อกสำหรับเด็ก ดังนี้

ประการแรกคือ ขนาดต้องกระชับพอดีกับศีรษะเด็ก สามารถวัดรอบศีรษะส่วนที่กว้างที่สุดบริเวณเหนือคิ้วประมาณ 1 นิ้ว หรือ 2.5 เซนติเมตร หากขนาดที่วัดได้อยู่ระหว่างสองขนาด ควรเลือกขนาดที่เล็กกว่าเพื่อให้กระชับ และตรวจสอบว่าไม่มีช่องว่างระหว่างหน้าผากกับหมวกจนสอดนิ้วได้ เมื่อเขย่าศีรษะเบาๆ หมวกไม่ควรขยับมากหรือบีบรัดจนอึดอัด ข้อมูลระบุว่าหมวกนิรภัยที่พอดีสามารถลดโอกาสบาดเจ็บที่ศีรษะและสมองได้ถึง 69% และลดความเสี่ยงเสียชีวิตได้ 39% อีกทั้งสถิติยังชี้ว่าเด็กที่นั่งซ้อนท้ายด้านหน้าผู้ปกครองมีความเสี่ยงบาดเจ็บที่ศีรษะและใบหน้ามากกว่าเด็กที่นั่งด้านหลังถึง 2 เท่า

ประการที่สอง หมวกกันน็อกต้องมีสายรัดคางที่แน่นพอดี ไม่หลวมจนหมวกขยับ และไม่แน่นจนเกินไป โดยควรมีระยะห่างระหว่างคางกับสายรัดไม่เกิน 1-2 นิ้วมือ และควรตรวจสอบความแน่นของสายรัดทุกครั้งก่อนเดินทาง

ประการที่สาม ควรเลือกหมวกที่เด็กเต็มใจสวมใส่ โดยให้เด็กมีส่วนร่วมในการเลือกสีสันหรือลวดลายที่ชอบ และควรเป็นหมวกที่มีน้ำหนักเบา มีช่องระบายอากาศหลายจุดเพื่อลดความร้อนและเหงื่อ

ประการที่สี่ หมวกกันน็อกที่ดีต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หรือ ECE R22.05 (ยุโรป) ซึ่งมีการทดสอบแรงกระแทกและการดูดซับแรงสะเทือน

ประการสุดท้ายคือการดูแลและเปลี่ยนหมวกใหม่เมื่อถึงเวลา โดยหมวกกันน็อกมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 3-5 ปี หรือควรเปลี่ยนใหม่ทันทีหากผ่านการกระแทกอย่างรุนแรง แม้ภายนอกไม่เห็นรอยแตก สำหรับเด็กที่กำลังเติบโต ผู้ปกครองควรตรวจสอบขนาดหมวกทุก 6-12 เดือน และไม่ควรใช้หมวกกันน็อกมือสองเนื่องจากอาจเสื่อมสภาพและประสิทธิภาพการป้องกันลดลง

กรุงศรี ออโต้ เน้นย้ำว่าการสวมหมวกกันน็อกให้เด็กทุกครั้งที่เดินทาง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อป้องกันอันตรายและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ มีข้อมูลเปรียบเทียบว่าอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ที่ความเร็ว 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่ากับการตกจากอาคาร 3 ชั้น

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat