LIFESTYLE

ปิดผมขาวอย่างไร สวย มั่นใจ ไม่ทำร้ายเส้นผม รับเดือน Pride Month

ผมขาว เป็นสิ่งที่กวนใจคนวัย 30+ (หรือในบางคนอาจจะมาเร็วกว่านั้น) เพราะมันช่างโผล่มาบ่อย และเร็วเหลือเกิน และเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมข่าวโผล่มาโชว์ตัวก็ทำให้เสียบุคลิก รวมถึงขาดความมั่นใจได้ หลายๆ คนเลือกทำสีเพื่อปิดหงอกแทนการถอน แต่การทำสี เพื่อช่วยอำพรางผมขาว ก็เป็นเรื่องท้าทาย เพราะนอกจากจะต้องปกปิดได้ดีแล้ว ต้องช่วยเสริมบุคลิกทำให้ดูอ่อนกว่าวัย

The Reporters ได้สอบถามไปยัง “ทิพย์ระวี ภู่ไชย” Professional Hairdresser and Hair consultant และผู้ก่อตั้ง Libertish Salon café เจ้าของอินสตราแกรม @libertish_saloncafe เกี่ยวกับเฉดทำสี สำหรับปิดผมขาวได้น่าสนใจ โดยเฉพาะโทนสีที่มาแรง และเป็นโทนสีสุดฮิต ที่ศิลปินชื่อดังอย่างวงแบล็กพิ้งค์เลือกใช้เช่นเดียวกัน

ทิพย์ระวี ให้ข้อมูลว่า “การทำสีปิดผมขาวนั้น หลายคนมักคิดการทำสีเข้มสุด เช่น สีดำ หรือสีน้ำตาลเข้ม เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่เมื่อทำไปประมาณ 1 สัปดาห์สีก็จะหลุดออก ซึ่งทำให้ผมขาวที่งอกขึ้นมาใหม่ ตัดกับโทนสีเข้มที่เราทำไปได้อย่างชัดเจน ทั้งจากประสบการณ์ในการผมและสีผมมา 20 ปีนั้น เราจะมีวิธีพรางผมขาวโดยการใช้โทนสี ที่ทำให้เส้นผมเกิดความหลากหลาย หรือผมมีหลายเลเวล เช่น การทำสีผมแบบ 3D Color (โดยจะแบ่งผมออกเป็น 3 ชั้น และค่อยๆแต้มทีละสีลงบนผมที่แห้งให้ทั่วและชุ่มเพียงพอ เริ่มจากปลายผมชั้นล่างสุด และใช้ฟอยล์กั้นผมที่ลงสีแล้ว ทีละชั้นไปเรื่อยๆ จนครบ 3 ชั้น หลังจากนั้นทิ้งไว้เพื่อสังเกตให้ได้สีตามที่ต้องการ) ไปจนกระทั่งถึงการทำสีผมแบบ 5D Color ที่มีลักษณะของสีอ่อนกลางและเข้มร่วมด้วยอยู่ด้วยกัน”

“สำหรับโทนสีที่ช่วยพรางผมขาวได้ดีที่สุด และสามารถติดทนได้นาน 2- 3 เดือน คือ กลุ่มเฉดสี “แอชบราวน์” (Ash Brown) หรือสีน้ำตาลหม่น ไปจนถึงเฉดสี “แอชบลอนด์” (Ash Blonde) หรือ สีเทาบลอนด์ รวมถึงเฉดสี “แพลตตินั่ม” (Platinum) หรือสีขาวผสมสีเงิน ที่สำคัญปัจจุบันผู้ชายหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น และนิยมทำสีมากขึ้น โดยไม่ปล่อยให้เห็นผมขาวเมื่อสมัยก่อน อีกทั้งการเลือกพรางผมขาวของผู้ชายนั้น มักจะเลือกใช้โทนสีเข้ม เช่น สีน้ำตาล ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูเข้มเกินไป แต่เมื่อผมขาวงอกใหม่ ก็จะตัดกันผมสีเข้มได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการเน้นให้เห็นผมขาวมากขึ้น แต่ปัจจุบันผู้ชายหลายเลือกทำสีผมเฉดที่กล่าวมา ซึ่งเป็นโทนสีที่สามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย หรือแม้แต่ดาราและศิลปินชื่อดัง ก็นิยมเปลี่ยนสีผมดังกล่าวเช่นเดียวกัน เช่น โรเซ่ วงแบล็กพิงค์ ก็ทำสีผมเฉดแพลตตินั่ม เป็นต้นค่ะ”

“ปัจจุบันแฟชั่นทั้งทรงผม สีผม รวมถึงเสื้อผ้านั้น จะมีลักษณะเป็นแฟชั่นยูนิเซ็กส์ ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าปัจจุบันผู้หญิง นิยมใส่เสื้อผ้าที่โอเวอร์ไซส์มากขึ้น รวมถึงสาวๆหลายคนชอบตัดผมสั้น หรือแม้แต่ผู้ชายนั้นก็จะนิยมใช้เมคอัพ หรือเครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย หรือมีกลุ่มเครื่องสำอางสำหรับคุณสุภาพบุรุษให้เห็นกันมากขึ้น หรือแม้แต่หนุ่มๆบางคน ก็เลือกที่จะสวมใส่เสื้อผ้าผู้หญิงที่มีลักษณะไซส์ใหญ่ หรือสาวๆบางคน ก็เลือกที่จะใช้กระเป๋าย่าม หรือเป้คล้ายกับผู้ชาย เพื่อความสบายและคล่องตัว เป็นต้น ดังนั้นปัจจุบันแฟชั่นจึงไม่มีข้อจำกัด ทุกเพศสามารถสนุกสุดเหวี่ยงได้กับทุกการแต่งตัว โดยเฉพาะเดือน Pride Month นี้”

ส่วนการดูแลเส้นผมหลังการทำสี ทิพย์ระวี แนะนำว่า “หลังทำสีผม หรือทำเคมีจากการดัดผมนั้น พี่เชอร์รี่จะแนะนำทุกคนว่า อย่าพึ่งใช้แชมพูสระผมเป็นเวลา 48 ชั่วโมงหลังทำสี ทั้งนี้เพื่อรอให้เส้นผม กลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อน และที่สำคัญไม่ควรอบไอน้ำหลังทำสีผม หรือทำไฮท์ไลท์เส้นผม เพราะเส้นผมเราจะถูกฟอกด้วยน้ำยาเคมี ดังนั้นหากอบไอน้ำทันที จะทำให้เกร็ดผมยิ่งเปิดออก เพื่อรับทรีตเมนต์หรือครีมบำรุงเส้นผม จากการอบไอน้ำ ซึ่งจะทำให้สีผมหลุดเร็วขึ้น จากการที่เม็ดสีเปิดรับทรีตเมนต์ดังกล่าว แต่ทั้งนี้แนะนำให้คนที่ทำสีผม ดูแลเส้นผมทำสีด้วยการทำทรีตเมนต์ หรือใช้ทรีตเมนต์หมักเพื่อบำรุงเส้นผม ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้เส้นผม ซึ่งข้อดีของการบำรุงผมด้วยทรีตเมนต์ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกร็ดเส้นผมเปิด ซึ่งนั่นจะทำให้สีผมติดทนอยู่นานค่ะ”

Related Posts

Send this to a friend