INVESTMENT

ไทยยูเนี่ยนผนึกเอดีบี รับสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนทางทะเล 5 พันล้านบาท มุ่งขับเคลื่อนความยั่งยืนทางทะเล

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ทียู (TU) ได้ประกาศความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ในการนำโซลูชันการเงินเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล หรือ Blue Finance Solutions มาปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทย ความร่วมมือนี้รวมถึงการที่เอดีบีได้อนุมัติเงินกู้เพื่อความยั่งยืนทางทะเล (Blue Loan) วงเงินรวม 150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5,000 ล้านบาทให้แก่ไทยยูเนี่ยน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เอดีบีจัดสรรเงินกู้ลักษณะนี้ให้กับภาคเอกชนในอุตสาหกรรมอาหารทะเลของประเทศไทย

ปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาทรัพยากรทางทะเลมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณร้อยละ 30 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และเป็นแหล่งทำมาหากินของประชากรเกือบหนึ่งในสี่ของ 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล การบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตเศรษฐกิจของประเทศและการบรรลุเป้าหมายการเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2580 เงินกู้ดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การผลิตอาหารทะเลอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการยกระดับการเพาะเลี้ยงกุ้ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของไทยในฐานะผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลก และสอดรับกับทิศทางการมุ่งสู่เศรษฐกิจภาคทะเลที่ยั่งยืน หรือ Blue Economy ของประเทศ

นายลูโดวิค การ์นิเย่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานการเงิน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยยูเนี่ยนในการขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ผ่านกระบวนการผลิตอาหารทะเล การจัดหาวัตถุดิบ และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน

ด้าน นายอานุช เมธา ผู้อำนวยการสำนักงานผู้แทนธนาคารพัฒนาเอเชีย กล่าวว่า ปัจจุบันการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้ผลผลิตอาหารทะเลมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก โดยมีแหล่งผลิตหลักอยู่ในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นว่าการเงินเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (Blue Finance) สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลสามารถปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ควบคู่ไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนได้

ภายใต้วงเงินกู้ดังกล่าว ไทยยูเนี่ยนจะยกระดับขีดความสามารถด้านการจัดหาวัตถุดิบกุ้งที่เพาะเลี้ยงอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับระดับโลกจาก Global Sustainable Seafood Initiative (GSSI) เช่น มาตรฐาน Aquaculture Stewardship Council (ASC) และมาตรฐาน Best Aquaculture Practices (BAP) หรือจัดซื้อจากฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่มีความน่าเชื่อถือ (Aquaculture Improvement Projects หรือ AIPs) แนวทางนี้จะให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม ครอบคลุมการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ การตรวจสอบแหล่งที่มาของอาหารกุ้ง การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงานหมุนเวียน การปรับปรุงประสิทธิภาพอัตราแลกเนื้อ (FCR) การป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า ตลอดจนส่งเสริมการใช้แรงงานที่เป็นธรรมและการทำงานร่วมกับชุมชน

นายอดัม เบรนนัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืนและการสื่อสาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® 2030 ของไทยยูเนี่ยน และวงเงินสนับสนุนจากเอดีบีจะเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้บริษัทก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพจากท้องทะเล ที่ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีนวัตกรรม และให้ความสำคัญต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมในระยะยาว

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจภาคทะเลที่ยั่งยืน (Blue Economy) ด้วยโซลูชันทางการเงิน โดยมีผู้แทนจากไทยยูเนี่ยนและธนาคารพาณิชย์พันธมิตร 6 แห่งเข้าร่วม ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศจีน, ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC), ธนาคารเอ็มยูเอฟจี จำกัด (MUFG), ธนาคารโอซีบีซี (OCBC), ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (SMBC) และธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ (UOB)

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat