INVESTMENT

‘ยูโอบี’ ชี้ช่องรับมือตลาดโลกป่วนหนัก หลังสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีรอบใหม่ แนะจัดพอร์ตลดเสี่ยง

ธนาคารยูโอบี วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดการเงินโลกผันผวนรุนแรง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าครั้งใหญ่ สร้างความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลก นักลงทุนตอบสนองทันทีจากความกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อ ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างหนัก แม้จะมีการประกาศชะลอการเก็บภาษีตอบโต้บางส่วนออกไป 90 วัน แต่แนวโน้มระยะสั้นยังคงมีความไม่แน่นอนสูง

รายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 68 ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบศตวรรษ กำหนดอัตราขั้นต่ำ 10% สำหรับสินค้าจากทุกประเทศ มีผลเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 68 ตามด้วยแผนเก็บภาษีตอบโต้ในอัตราที่สูงกว่ากับราว 60 ประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 9 เม.ย. 68 อย่างไรก็ตาม เพียง 13 ชั่วโมงหลังภาษีตอบโต้บางส่วนเริ่มมีผล ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศพักการเก็บภาษีดังกล่าวชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน ทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าว อัตราภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่จากทุกประเทศ (ยกเว้นจีน) จะอยู่ที่ 10% ส่วนสินค้านำเข้าทั่วไปจากจีนถูกปรับขึ้นเป็น 145% และพัสดุขนาดเล็กเป็น 120% ทั้งนี้ การพักเก็บภาษีไม่ครอบคลุมภาษีเฉพาะกลุ่ม เช่น รถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียม

การประกาศมาตรการภาษีดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงรุนแรงทันที เนื่องจากนักลงทุนกังวลผลกระทบจากสงครามการค้าที่อาจยืดเยื้อ แม้มาตรการจะตั้งเป้าลดการขาดดุลการค้า แต่กลับสร้างความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและแรงกดดันเงินเฟ้อที่สูงขึ้น แม้ตลาดจะฟื้นตัวได้บ้างหลังการประกาศพักเก็บภาษีตอบโต้ แต่การคงภาษีขั้นต่ำ 10% ถือเป็นการปรับขึ้นครั้งใหญ่ ทำให้ภาคธุรกิจยังคงระมัดระวังแผนการลงทุน ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับลดลง ประกอบกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เพิ่มสูงขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ประเทศต่างๆ มีปฏิกิริยาต่อมาตรการภาษีของสหรัฐฯ แตกต่างกัน โดยจีนตอบโต้ทันทีด้วยการขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ สูงถึง 125% และกำหนดข้อจำกัดทางการค้าเพิ่มเติม ทำให้สินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ สู่จีนต้องเผชิญภาษีรวมสูงถึงประมาณ 140% การตอบโต้ดังกล่าวส่งผลให้สหรัฐฯ มีมาตรการตอบโต้กลับเช่นกัน เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ทั้งนี้ รัฐบาลจีนกำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้านเพื่อบรรเทาผลกระทบ เช่น ส่งเสริมการบริโภคในประเทศ สนับสนุนภาคส่งออก และจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้น ขณะที่ประเทศอื่นๆ เลือกแนวทางการเจรจา ซึ่งคาดว่าจะเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและใช้เวลา

สำหรับแนวโน้มตลาดในระยะสั้น ยูโอบีมองว่าทิศทางจะขึ้นอยู่กับผลการเจรจาทางการค้าเป็นสำคัญ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะยังคงเปราะบางจนกว่าจะมีความตกลงที่ชัดเจน จากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว เงินเฟ้อสูงขึ้น และความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย การเทขายในตลาดรอบล่าสุดมีสาเหตุหลักจากนโยบายภาษี หากตลาดยังคงปรับฐานลงต่อเนื่อง อาจส่งผลต่ออำนาจต่อรองของประธานาธิบดีทรัมป์ และอาจนำไปสู่ท่าทีที่ผ่อนคลายลงได้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดยังคงผันผวนในระยะนี้ ส่วนแนวโน้มในระยะถัดไป สถานการณ์อาจปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี หากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เช่น การลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบ เริ่มส่งผลบวก ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยง

คำแนะนำสำหรับนักลงทุน นายกิดอน เจอโรม เคสเซล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์เงินฝากและบริหารการลงทุนบุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย แนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์การจัดพอร์ตที่ระมัดระวัง เน้นป้องกันความเสี่ยง และกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อรับมือกับความผันผวนสูง โดยมีกลยุทธ์หลักที่ควรพิจารณา คือ

การลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัว ด้วยการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ภูมิภาค และอุตสาหกรรม การให้ความสำคัญกับการลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มหลัก (Core) โดยใช้กลยุทธ์ถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging :DCA) เพื่อสร้างการลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์คุณภาพ การลงทุนในตราสารหนี้ระดับน่าลงทุน (Investment Grade) เพื่อช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงและลดความผันผวนจากตลาดหุ้น การเลือกหุ้นปันผลจากบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบจากเงินเฟ้อและสร้างความมั่งคั่งระยะยาว การถือสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง เช่น ทองคำ ซึ่งยังคงเหมาะสมในการกระจายความเสี่ยงช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ช่วยป้องกันความเสี่ยงในช่วงตลาดปรับตัวลงและความเสี่ยงด้านค่าเงิน นอกจากนี้ ยูโอบียังมองเห็นโอกาสการลงทุนเชิงกลยุทธ์ (Tactical Opportunities) ในตลาดจีน แม้เผชิญแรงกดดันแต่มีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมูลค่าหุ้นที่น่าสนใจ รวมถึงหุ้นกลุ่มการเงินในประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มขึ้นและเงินปันผลน่าสนใจ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้ประจำ

ยูโอบีเน้นย้ำว่า ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ความผันผวนของตลาดยังคงมีอยู่ นักลงทุนจึงควรยึดมั่นในเป้าหมายระยะยาว กระจายการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และมีวินัย เพื่อปกป้องและสร้างความมั่งคั่งในสภาวะที่ท้าทาย

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat