HUMANITY

สำนักงานสถิติแห่งชาติ เผยคนพิการในไทย เข้าถึงสวัสดิการการรักษาของรัฐ แต่ยังขาดความช่วยเหลือด้านอื่นจากรัฐ

สำนักงานสถิติแห่งชาติ เผยผลการสำรวจความพิการ พ.ศ. 2565 ชี้คนพิการเข้าถึงสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลหลักของรัฐ การส่งเสริมป้องกันโรคอย่างทั่วถึง แต่ยังน่าเป็นกังวลด้านการศึกษา การทำงาน การเข้าถึงอุปกรณ์เครื่องช่วยคนพิการ และยังคงมีความต้องการสวัสดิการอื่น ๆ ของรัฐที่จำเป็น เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้พิการ

สำนักงานสถิติแห่งชาติ และองค์การยูนิเซฟประเทศไทย เผยผลการสำรวจความพิการ พ.ศ. 2565 ซึ่งถือเป็นการสำรวจที่จัดทำขึ้นเป็นประจำทุก 5 ปี และปีนี้ถือเป็นการสำรวจครั้งที่ 5 รับตั้งแต่ที่มีการสำรวจมา โดยการสำรวจในครั้งนี้ เก็บข้อมูลจาก 88,273 ครัวเรือนทั่วประเทศ ระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2565 สำรวจผู้เพิการที่มีลักษณะของ ผู้ที่มีความลำบากหรือปัญหาสุขภาพ หรือผู้ที่มีลักษณะความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ หรือสติปัญญา อย่างน้อย 1 ลักษณะ

ผลการสำรวตความพิการในปี 2565 พบว่าประเทศไทยมีผู้พิการประมาณ 4.19 ล้านคน หรือร้อยละ 6.0 ของประชากรทั่วประเทศ ประกอบด้วย 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ ผู้พิการอันเนื่องจากความลำบากหรือปัญหาสุขภาพ ร้อยละ 2.0 (1.37 ล้านคน) ผู้พิการอันเนื่องจากมีลักษณะความบกพร่อง ร้อยละ 1.3 (0.91 ล้านคน) และผู้พิการที่มีทั้ง 2 ลักษณะ (ความลำบาก/ปัญหาสุขภาพ และลักษณะความบกพร่อง ร้อยละ 2.7 (1.91 ล้านคน)

สำหรับผู้พิการที่มีความลำบากหรือปัญหาสุขภาพ คือ ความลำบากในการเคลื่อนไหว (ได้แก่ การเดิน การเคลื่อนไหวแขนและนิ้ว และการลุกจากการนอนเป็นท่านั่ง) ลำดับรองลงมา คือ การดูแลตนเอง การมองเห็น การจดจำหรือการมีสมาธิ และการสื่อสาร นอกจากนี้ผู้พิการมีลักษณะความบกพร่อง 5 ลำดับแรก คือ อันดับ 1 สายตาเลือนราง 2 ข้าง อันดับ 2 แขน ขา มือ ลำตัว คดงอ เกร็ง โกง กระตุก สั่น อันดับ 3 หูตึง 2 ข้าง อันดับ 4 อัมพฤกษ์ และ อันดับ 5 แขน ขา ลีบ/เหยียดงอไม่ได้

ประเทศไทยมีเด็กพิการ อายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 17 ปี 157,369 คน คิดเป็นร้อยละ 3.8 ของผู้พิการทั้งหมด โดยประมาณ 2 ใน 5 (ร้อยละ 39.6) ของเด็กพิการมีความลำบากหรือปัญหาสุขภาพซ้ำซ้อนมากกว่า 1 ประเภท อีกทั้งเด็กพิการวัยเรียนอายุ 5–17 ปี มีถึงร้อยละ 28.9 ที่ปัจจุบันไม่ได้เรียน โดยสาเหตุมาจาก ป่วยหรือพิการ (ร้อยละ 71.5) รองลงมา คือ ไม่สนใจหรือคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเรียน (ร้อยละ 12.9) ส่วนเด็กพิการที่กำลังเรียนอยู่นั้น ร้อยละ 55.8 กำลังเรียนอยู่ในระดับประถมศึกษา

สำหรับมีผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) พิการ พบว่ามีจำนวน 2.66 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20.1 ของผู้สูงอายุทั่วประเทศ หรือมากกว่า 3 ใน 5 (ร้อยละ 63.5) ของผู้พิการทั้งหมด ส่วนผู้พิการอายุ 15 ปีขึ้นไปที่ทำงานมีร้อยละ 21.2 ในกลุ่มนี้เกือบครึ่ง (ร้อยละ 49.2) ทำงานในภาคเกษตรกรรม ขณะที่ผู้พิการที่ไม่ทำงาน ครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 50.1) เนื่องจากป่วยหรือพิการไม่สามารถทำงานได้ รองลงมา คือ ยังเด็กหรือชรา (ร้อยละ 39.9)

ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีบทบาทสำคัญในการดำเนินชีวิต พบว่าผู้พิการอายุ 5 ปีขึ้นไป เข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทั้งการใช้อินเทอร์เน็ต (มีร้อยละ 40.0) และการมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ร้อยละ 54.8) แต่การใช้คอมพิวเตอร์ค่อนข้างน้อย (ร้อยละ 5.2)

เรื่องการได้รับสวัสดิการของรัฐนั้น พบว่าผู้พิการเข้าถึงสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลหลักของรัฐ และการส่งเสริมป้องกันโรคอย่างทั่วถึง (ร้อยละ 99.1 และ 94.7 ตามลำดับ) โดยผู้พิการได้ขึ้นทะเบียนคนพิการร้อยละ 42.6 ซึ่งได้รับเบี้ยยังชีพคนพิการเกือบทุกคน สำหรับผู้พิการที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนคนพิการมีมากกว่าครึ่ง (ร้อยละ 57.4) ทั้งนี้เนื่องจากไม่ต้องการขึ้นทะเบียน (รวมผู้ที่ไม่คิดว่าตนเองพิการ) ร้อยละ 26.4 หรือความพิการไม่อยู่ในระดับที่ขึ้นทะเบียนได้ ร้อยละ 25.1 ขณะที่ผู้พิการยังเข้าไม่ถึงการขึ้นทะเบียนมีเพียงเล็กน้อย (ร้อยละ 5.9) เนื่องจากไม่มีคนพาไป/เดินทางไม่สะดวก ไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียน เป็นต้น

ส่วนสวัสดิการจากภาครัฐที่ผู้พิการต้องการแต่ยังไม่ได้รับ ได้แก่ การตรวจรักษาพยาบาล (ร้อยละ 4.1) และการฟื้นฟูสมรรถภาพ (ร้อยละ 9.2) เนื่องจากปัญหาอุปสรรคในการเดินทาง อีกทั้งผู้พิการร้อยละ 16.6 ที่ต้องการอุปกรณ์ อวัยวะเทียม หรือเครื่องช่วยคนพิการแต่ยังไม่ได้รับ 5 ลำดับแรก คือ เครื่องช่วยฟัง ไม้เท้า แว่นตาที่ตัดพิเศษ รถนั่งคนพิการ และไม้เท้าแบบสามขา อย่างไรก็ตาม ผู้พิการยังมีความต้องการ แต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือและสวัสดิการอื่น ๆ จากภาครัฐ เช่น ให้เพิ่มเบี้ยความพิการ ส่งเสริมประกอบอาชีพอิสระ สนับสนุนผู้ช่วยคนพิการ การกู้ยืมเงินเพื่อประกอบอาชีพ และการให้คำแนะนำปรึกษา เป็นต้น

Related Posts

Send this to a friend