นักข่าวฟิลิปปินส์ แฉกระบวนการ ‘จัก-จัก’ เส้นทางสแกมเมอร์ จากมะนิลา-กรุงเทพฯ-เมียวดี
‘นักข่าวฟิลิปปินส์’ แฉกระบวนการ ‘จัก-จัก’ เส้นทางสแกมเมอร์ จากมะนิลา-กรุงเทพฯ-เมียวดี เผยมีคนฟิลิปปินส์ ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ 850 คนแล้ว ยังมีอีก 91 คน ถูกขังอยู่ในเมียวดี
The Reporters ยังคงติดตามสถานการณ์ความรุนแรงของอาชญากรรมไซเบอร์ (Cybercrime) จากเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่เปิดศูนย์หลอกลวง (Scam Center) โดยเฉพาะในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2568 พบว่ามีชาวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 40 ประเทศ ถูกนำพามาเป็นสแกมเมอร์ในเมืองเมียวดี โดยใช้เส้นทางผ่านประเทศไทย ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 10,000 คน และล่าสุดมีการกวาดล้างสแกมเมอร์ที่ เคเคปาร์ค ซึ่งเป็นแหล่งสแกมที่ใหญ่แห่งหนึ่งในเมียวดี มีการช่วยเหลือชาวต่างชาติมาได้กว่า 1,500 คน ในจำนวนนั้นมีชาวฟิลิปปินส์ อยู่มากถึง 220 คน
เครือข่ายภาคประชาสังคมช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จัดนิทรรศการ ‘The Blunt Truth’ เสนอปัญหาการค้ามนุษย์ของเครือข่ายสแกมเมอร์ในเมืองเมียวดี ผ่านเหยื่อที่ถูกทำร้าย และเหยื่อที่รอคอยความช่วยเหลือ และจัดเวทีพูดคุยผู้ที่ทำงานในการช่วยเหลือผู้เสียหายที่มาจากหลายประเทศ หนึ่งในนั้น คือ Eunice Barbara C. Novio นักข่าวฟิลิปปินส์
-เปิดเส้นทางชาวฟิลิปปินส์ถูกนำพามาเป็นสแกมเมอร์
Eunice Barbara C. Novio นักข่าวฟิลิปปินส์ เริ่มติดตามข่าวอาชญากรรมสแกมเมอร์ ในช่วงต้นปี 2022 ถึง 2025 ที่พบชาวฟิลิปปินส์หลายพันคนถูกล่อลวงให้ไปทำงานด้วยข้อเสนอ ทำงานออนไลน์ปลอม ซึ่งมีการเสนอตำแหน่งงานที่ได้รับค่าตอบแทนสูงใน ประเทศไทย แต่สุดท้ายกลับไปอยู่ที่ศูนย์หลอกลวง (Scam Hubs) ใน กัมพูชา, ลาว และเมียนมา
Novio จึงเริ่มรายงานข่าวนี้อย่างจริงจัง ตั้งแต่ เดือนเมษายน 2023 ถึงเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งเธอพบว่า ชาวฟิลิปปินส์เดินทางไปทำงานโดยถูก บังคับ หลายคนถูก บังคับ ให้จ่ายเงินมากถึง 10,000 ดอลลาร์ หรือกว่า 300,000 บาท เพื่ออิสรภาพของพวกเขา หากพวกเขาต้องการออกจากศูนย์หลอกลวง (Scam Center) พวกเขาจะต้องจ่ายเงิน เหยื่อถูกล่อลวงด้วยโฆษณางานในต่างประเทศปลอม โดยเฉพาะบน Facebook ซึ่งสัญญาว่าจะให้งานที่มีรายได้สูง
นักข่าวชาวฟิลิปปินส์ ยกตัวอย่างของโฆษณาปลอมบน Facebook ที่สัญญาว่าจะให้ตั๋วเครื่องบินฟรี, ที่พักฟรี และค่าใช้จ่าย (allowances) คุณจะเห็นว่า ข้อเสนองานของพวกเขาส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย ดังนั้น รูปแบบการสรรหา คือ
-ข้อเสนองานออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย: เหยื่อเห็นโพสต์บน Facebook หรือแอปส่งข้อความ เช่น Messenger, Telegram ที่เสนอตำแหน่งงานต่างประเทศที่ได้รับค่าตอบแทนสูง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่การหลอกลวง (scam) จริง ๆ แต่เป็นงานบริการลูกค้าออนไลน์หรืองานป้อนข้อมูลใน ประเทศไทย เสนอเงินเดือน 80,000 ถึง 120,000 เปโซต่อเดือน ซึ่งประมาณ 60,000 บาท โดยประมาณ ดังนั้นพวกเขาจึงถูก ค้ามนุษย์ไปยังศูนย์หลอกลวง (Scam Compounds)
-การสรรหาโดยบุคคลที่สามหรือตัวแทน: ถูกสรรหาผ่านชาวฟิลิปปินส์ที่ ไม่มีใบอนุญาตและผิดกฎหมาย ซึ่งแอบอ้างว่าเป็นนายหน้าสรรหาหรือหน่วยงานลงประกาศงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นพวกเขาจึงช่วยดำเนินการเรื่องเอกสารการเดินทางและตั๋วเครื่องบินสำหรับงานใน กรุงเทพฯ ดังนั้นจึงมักจะเป็น กรุงเทพฯ เสมอ
-การสรรหาแบบปากต่อปาก (peer recruitment): พวกเขาถูกสรรหาคล้ายกับการตลาดแบบหลายระดับ (multi-level marketing) เช่น
“เพื่อนของฉันทำงานที่นั่น ได้เงินเยอะ” ดังนั้นจึงใช้เพื่อ สร้างความไว้วางใจ
นอกจากนี้ การจัดการเดินทางโดยผู้หลอกลวง จะมีตัวแทนการท่องเที่ยวจัดเตรียมการเดินทางไปยังประเทศไทย, กรุงเทพฯ หรือที่อื่น ๆ แต่เหยื่อจะถูก ขนส่งข้ามชายแดนไปยังเมียนมา
-แฉกลโกงของศูนย์หลอกลวงที่ใช้กับคนฟิลิปปินส์
Eunice ระบุว่า การทำงานของศูนย์หลอกลวง สแกมเซ็นเตอร์ จะมีหน่วยงานจัดหางานปลอมและแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่จะให้สแกมเมอร์ทำงาน ที่แตกต่างกัน เช่น การหาคู่, การพนัน และเว็บไซต์การลงทุน โดย Eunice บอกว่า เป็นวิธีการทำงานที่เป็นวัฏจักร พร้อมยกตัวอย่างให้เห็นวิธีการดังนี้
-กลุ่มเป้าหมายของศูนย์หลอกลวง คือ ผู้หญิงและลูกค้าที่เป็นเกย์, ผู้บริหารด้านการเงิน โดยเฉพาะชาวฟิลิปปินส์ที่ร่ำรวย ซึ่งพวกเขามีแพลตฟอร์ม เช่น Ask Me Madison, Watch Your Price, QQpid, Miss Travel, Asian Cupid และจากนั้นก็คือ การได้มาซึ่งลูกค้า ดังนั้นโดยปกติแล้วพวกเขาใช้โซเชียลมีเดีย, บัญชี X, Meta verified เป้าหมายจึงเป็นนายธนาคาร, ผู้จัดการ, ผู้เกษียณอายุ และผู้เชี่ยวชาญ
“เราทุกคนมีแนวโน้มที่จะตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงจากการสร้างความไว้วางใจ”
-ผู้หลอกลวงใช้บุคคลสวมรอย เป็นอีกวิธีที่สแกมเมอร์จะใช้หลอกลวงโดยการสวมรอย เช่น ชาวฟิลิปปินส์หญิงหรือชาย จะสวมรอยเป็นชาวสิงคโปร์สำหรับลูกค้าที่เป็นเกย์, คู่รักเกย์ เพื่อสร้างความไว้วางใจ โดยชาวฟิลิปปินส์สามารถสวมรอยเป็นผู้หญิงยุโรปตะวันออกหรือชาวสิงคโปร์ เมื่อพวกเขาได้รับความไว้วางใจแล้ว พวกเขาจะ ขอให้ลงทุน ด้วยการโอนเงินผ่าน USDT และคริปโต โดยตรงไปยังคริปโต และใช้วิธีนี้ซ้ำ ๆ ไป
-เส้นทางและกระบวนการ “จัก-จัก” (Chak-Chak process)
Eunice เรียกเส้นทางและกระบวนการนี้ว่า จัก-จัก เธอบอกว่า เส้นทางที่สแกมเมอร์ใช้หลอกลวงคนจากฟิลิปปินส์ ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ใช้เส้นทางปกติ พวกเขาจึงใช้ ประตูหลัง เพราะฟิลิปปินส์เป็นเกาะ โดยเธออธิบายตามแผน ผัง เส้นทาง นอกจากการเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นเส้นทางปกติจาก กรุงมะนิลา ไป กรุงเทพฯ หรือจากมะนิลาไปยังเมืองซาบาห์ มาเลเซีย แล้วต่อด้วยเส้นทางบก ที่พวกเขาต้องข้ามทะเลโดยใช้เรือจากซาบาห์หรือปาลาวัน
“บางส่วนข้ามไปยังบรูไน และจากนั้นเดินทางไปมาเลเซีย และบางส่วนจะขึ้นเครื่องบินจากมาเลเซียไปกัมพูชา ส่วนที่มากรุงเทพฯ ก็จะนำตัวขึ้นรถไปแม่สอด และจากนั้นจะถูกพาข้ามแม่น้ำไปยังเมืองเมียวดี นั่นคือ โชค-โชค (chok-chok) หรือทางผ่านที่เราเรียกกันว่า โชค-โชค”
Eunice เปิดเผยเส้นทางจาก จัก-จัก และ โชค-โชค ที่คนฟิลิปปินส์ ข้ามน้ำข้ามทะเลมายังเมืองเมียวดี โดยผ่านประเทศไทย
เธอแสดงหลักฐานเป็นตราประทับหนังสือเดินทาง ที่พบว่าตราประทับขาออกแรกไม่ถูกต้อง เนื่องจาก HTP ไม่ได้ออกจากมาเลเซียหรือที่สนามบิน อย่างกรณีหนึ่งเมื่อพวกเขามาถึง กัมพูชา ทางทะเลพวกเขาออกทางสนามบิน และจากกัมพูชา บางส่วนเดินทางไป โคตา คินาบาลู จึงมีตราประทับถูกต้อง แต่จาก โคตา คินาบาลู บางส่วนจะถูกขับรถไปยัง ภาคใต้ของประเทศไทย จาก ภาคใต้ของประเทศไทย พวกเขาจะ ขึ้นเครื่องบินภายในประเทศ ต่อไปยังภาคเหนือของไทย ผ่านสนามบินดอนเมืองได้ โดยไม่ต้องถูกเนรเทศ
นักข่าวชาวฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า กลุ่มคนชาวฟิลิปปินส์ที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์และถูกนำพามาเป็นสแกมเมอร์ในเมียวดี มีอายุ ระหว่าง 20 ถึง 51 ปี แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ สัปดาห์ที่แล้ว มีการจับกุมชาวฟิลิปปินส์อายุ 65 ปี บางคนเป็น ผู้เชี่ยวชาญที่มีพื้นฐานด้านไอที และทำงานใน Philippine Offshore Gaming Operators หรือ POGO
“เราเรียกมันว่า POGO เพราะบางคนมีประสบการณ์ทำงานในต่างประเทศ บางคนมี วีซ่านักเรียนและวีซ่าธุรกิจ นี่เป็นเพียงการประมาณช่วงอายุ เพราะหลังจากที่พวกเขาได้รับการช่วยเหลือ สถานทูตฟิลิปปินส์ไม่ได้เปิดเผยประวัติของชาวฟิลิปปินส์ที่ได้รับการช่วยเหลือ”
-มีชาวฟิลิปปินส์ถูกนำพามาเป็นสแกมเมอร์ในเมียวดีแล้วกว่า 850 คน
Eunice บอกว่า จากจำนวนการส่งตัวชาวฟิลิปปินส์จากเมืองเมียวดีกลับประเทศ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2025 ซึ่งการส่งตัวกลับประเทศครั้งใหญ่ ของชาวฟิลิปปินส์ที่ถูกค้ามนุษย์ 176 คน มีการประสานงานโดยสถานทูตฟิลิปปินส์, UNHCR, KKB และ DMW, ทางการเมียนมาและไทย ระหว่างวันที่ 18 ถึง 22 สิงหาคม มีการช่วยเหลือมาอีก 34 คน ในจำนวนนั้นเป็นหญิงตั้งครรภ์หนึ่งคน และรวมตั้งแต่ 25 มีนาคม ถึง 7 ตุลาคม มีการช่วยเหลือชาวฟิลิปปินส์ จากศูนย์หลอกลวงในเมียนมา 235 คน
“แต่เราไม่มีข้อมูลอัปเดตสำหรับอีก 5 คนที่ยังอยู่ในแม่สอดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เราไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนแล้ว ล่าสุด 8 ตุลาคม เราได้รับการช่วยเหลือชาวฟิลิปปินส์ 14 คน จาก DKBA และพื้นที่ควบคุมของสแกมเมอร์ และหลังการปราบปรามเมื่อ 24 ตุลาคม มีชาวฟิลิปปินส์ 66 คนที่ได้ข้ามพรมแดนมาแม่สอด และวันที่ 26 ตุลาคม มีรวม 220 คนที่อยู่ระหว่างการรอเอกสารส่งตัวกลับประเทศอยู่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก”
-ยังมีชาวฟิลิปปินส์อีก 91 คน ยังติดอยู่ในเมืองสแกม-เมียวดี
Eunice เปิดเผยว่า ยังมีอีกประมาณ 91 คนยังติดอยู่ใน สแกมเซ็นเตอร์ ที่เมียวดี เรากำลังติดตามการปฏิบัติการช่วยเหลือที่ชายแดน ซึ่งเธอกำลังติดต่อกับเหยื่อและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง และจากข้อมูลของ กฤติญา ผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาสังคมช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ที่ได้รับจากอดีตผู้ช่วยทูตตำรวจ พันเอก Dominador Matala ระบุว่า มีชาวฟิลิปปินส์ 802 คน ที่ถูกนำพามาเป็นสแกมเมอร์ในเมืองเมียวดี ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
นักข่าวชาวฟิลิปปินส์ ตั้งคำถามว่า ทำไมชาวฟิลิปปินส์จึงตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง เธอระบุว่า เพราะชาวฟิลิปปินส์ ขาดโอกาสทำงานในประเทศบ้านเกิด ในฟิลิปปินส์ มีผู้ว่างงาน 2.7 ล้านคน ในปี 2024 ทำให้งานที่ถูกกฎหมายที่เสนอในต่างประเทศโดยรัฐบาลอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและมีการแข่งขันสูง นอกจากนี้อุปสรรคในการได้รับใบอนุญาต และเอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็นในการทำงานในต่างประเทศเป็นเรื่องที่ ท้อแท้ และแน่นอน ความยากจนและการทุจริต
“ดังนั้นฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ ส่งออกแรงงาน และกลายเป็นเป้าหมายของศูนย์หลอกลวง หลอกลวงพวกเขาให้มาเป็นผู้หลอกลวง หรือสแกมเมอร์ได้ง่าย และตอนนี้เราไม่รู้ว่าเราจะช่วยเหลือคนของเราที่ทำงานในศูนย์หลอกลวง สแกมเซ็นเตอร์ในเมียวดี ที่ยังติดอยู่เกือบ 100 คนได้อย่างไร” Eunice Barbara C. Novio กล่าวทิ้งท้าย













