HEALTH

กรมอนามัย ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเตือนสภาพอากาศร้อนจัด ระวังกลุ่มเสี่ยงป่วยฮีทสโตรก

วันนี้ (31 มี.ค. 66) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กรมอุตุนิยมวิทยา ออกคำเตือนการเฝ้าระวังสถานการณ์อุณหภูมิ และผลกระทบต่อสุขภาพจากสภาพอากาศร้อนจัด คาดว่าในเดือนเมษายนนี้ มีแนวโน้มอุณหภูมิสูงถึง 43 องศาเซลเซียส แนะกลุ่มเสี่ยง อาทิ ผู้สูงอายุ เด็กที่มีความสามารถในการระบายความร้อนจากร่างกายได้น้อย และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง เลี่ยงอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน เพื่อป้องกันโรคฮีทสโตรก

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า “จากสภาพอากาศในประเทศไทยที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น อาจผลต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะโรคฮีทสโตรก ที่มีสาเหตุเกิดจากการที่ร่างกายอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่อุณหภูมิสูง และได้รับความร้อนมากเกินไป ทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติของสมอง ในส่วนการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ทำให้มีอุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตและระบบสมอง”

“รวมทั้งผู้ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ผู้ที่ออกกำลังกาย หรือทำงานใช้แรงงานอย่างหนัก ท่ามกลางอากาศร้อนเป็นเวลานาน เช่น คนงานก่อสร้าง ทหารเกณฑ์ เกษตรกร นักวิ่งมาราธอน ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มน้ำในปริมาณน้อย ติดสุราทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และเกลือแร่สูง กลุ่มสูงอายุ กลุ่มเด็กเล็กที่มีความสามารถ ในการระบายความร้อนจากร่างกายได้น้อยกว่ากลุ่มวัยรุ่นที่มีร่างกายแข็งแรงปกติ คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง รวมถึงผู้ที่ต้องใช้ยารักษาโรคบางชนิด เป็นยาที่กระตุ้นการขับปัสสาวะ ที่ขัดขวางกลไกการกำจัดความร้อนออกจากร่างกาย ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจากความร้อน”

“สำหรับกลุ่มเสี่ยงควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง หรือออกกำลังกายท่ามกลางสภาพอากาศร้อนต่อเนื่องเป็นเวลานาน ควรจิบน้ำบ่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ ซึ่งจะสามารถป้องกันภาวะขาดน้ำได้ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด นอกจากนี้ไม่ควรให้ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคอ้วนออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือทำกิจกรรมที่เหนื่อยจนเกินไป โดยเลือกทำกิจกรรมในอาคารที่มีอากาศเย็น หรือที่ร่ม แต่หากมีความจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ควรป้องกันตนเองด้วยการใช้อุปกรณ์กันแดด ได้แก่ ร่ม หมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด ครีมกันแดด ตั้งแต่ SPF 15 ขึ้นไป เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอาการจากความร้อน”

“ทั้งนี้ประชาชนต้องหมั่นสังเกตอาการตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคฮีทสโตรก เนื่องจากโรคดังกล่าวเป็นโรคที่มีความรุนแรงมาก หากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลทันที อาจเสียชีวิตได้ โดย 4 อาการสำคัญของโรคนี้ ได้แก่

1.เหงื่อไม่ออก

2.สับสน มึนงง

3.ผิวหนังเป็นสีแดง และแห้ง

4.ตัวร้อนจัด ในกรณีที่พบผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าว ให้โทรแจ้ง 1669

“ส่วนการทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยให้พาผู้ป่วยหลบเข้าที่ร่ม หรือห้องที่มีความเย็น ให้นอนราบ ยกเท้าและสะโพกสูง ถอดเสื้อผ้าให้เหลือเท่าที่จำเป็น รีบใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัว หรือวางถุงน้ำแข็งที่คอ รักแร้ และขาหนีบ หากผู้ป่วยหมดสติ ให้จับนอนตะแคง เพื่อป้องกันโคนสิ้นอุดทางเดินหายใจ และนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ด้วยรถปรับอากาศ หรือเปิดหน้าต่างรถ เพื่อให้อากาศถ่ายเท”

นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า “กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์สภาพอากาศ ในประเทศไทยจะร้อนจัดยาว ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม 2566 และจะร้อนจัดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 40-43 องศาเซลเซียส ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 40-42 องศาเซลเซียส ซึ่งอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และจังหวัดที่จะมีแนวโน้มอุณหภูมิสูงที่สุด คือ สุโขทัย ตาก ลำปาง แม่ฮ่องสอน”

Related Posts

Send this to a friend