แพทย์ เผย นวัตกรรมยารักษาโรคเบาหวานในไทย เพิ่มทางเลือกในการรักษาสำหรับผู้ป่วย แนะ ออกกำลังกาย-ควบคุมอาหาร

ศ.คลินิก นพ.ชัยชาญ ดีโรจนวงศ์ นายกสมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โรคเบาหวานเป็นปัญหาสำคัญของคนไทยมาโดยตลอด และมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ปี โดยโรคเบาหวานเกิดจากความผิดปกติของร่างกายในการนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์จากภาวะที่ขาดฮอร์โมนอินซูลินและหรือภาวะดื้อต่ออินซูลิน เป็นผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงปกติในผู้ป่วยเบาหวานมีความสำคัญในการลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ของโรคเบาหวาน ได้แก่ โรคไตวาย ตาบอด และโรคหัวใจและหลอดเลือด
การดูแลรักษาโรคเบาหวานในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี ได้แก่ การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นราย ๆ ไป เนื่องจากผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลและปัจจัยร่วมที่แตกต่างกัน ปัจจุบันมียาใหม่ ๆ ที่สามารถเป็นทางเลือกเพื่อให้การดูแลรักษาโรคเบาหวานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ในช่วงแรกเริ่มของการรักษาโรคเบาหวานมีการใช้ยาฉีดอินซูลินและยาเม็ดในกลุ่ม sulfonylurea ในการลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งข้อเสียของยา 2 กลุ่ม คือ การเกิดภาวะน้ำตาลต่ำในเลือดและน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นหลังการรักษา นอกจากนี้ ยังมียาเม็ด metformin ซึ่งไม่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำในเลือดและน้ำหนักตัวที่ไม่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมียาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการรักษาโรคเบาหวาน โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นยารับประทาน ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สะดวกในการใช้วิธีการฉีดยา ได้แก่
1.GLP-1 Receptor Agonists ทำงานโดยการกระตุ้นตัวรับ GLP-1 ซึ่งเป็นฮอร์โมนชนิดเดียวกับฮอร์โมนในร่างกายที่ถูกผลิตขึ้นจากลำไส้ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง โดยยาจะออกฤทธิ์เฉพาะเวลาที่มีน้ำตาลในเลือดสูงเท่านั้น จะไม่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะน้ำตาลต่ำในเลือด นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยในการลดน้ำหนักซึ่งเป็นข้อดีที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่มักมีปัญหาน้ำหนักเกิน ยากลุ่มนี้ยังมีประโยชน์ในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
2.SGLT2 Inhibitors มีบทบาทในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยการยับยั้งการดูดกลับน้ำตาลที่ไต ทำให้ร่างกายขับน้ำตาลออกไปกับปัสสาวะ ยากลุ่มนี้ไม่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำในเลือดและยังมีข้อดีในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและชะลอการเสื่อมของไต
3.DPP-4 Inhibitors ทำงานโดยการยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำลายฮอร์โมน GLP-1 ในร่างกาย มีข้อดีที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะน้ำตาลต่ำในเลือด แต่ไม่มีผลต่อน้ำหนักตัว และไม่มีผลโดยตรงในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและโรคไต
ทั้งนี้ นวัตกรรมยารักษาโรคเบาหวานในประเทศไทยในปัจจุบัน ส่งผลต่อการดูแลผู้ป่วยโดยการเพิ่มทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญที่ควรได้รับการสนับสนุนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันต้องควบคู่กับการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งยังคงเป็นกลยุทธ์หลักในการป้องกันและรักษาโรคเบาหวานอย่างมีประสิทธิภาพ การทำความเข้าใจถึงการบริโภคชนิดและปริมาณของอาหาร การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชีวิตจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน