HEALTH

THOHUN เผย คนไทย 1 ใน 3 ยังต้องการ ‘วัคซีนโควิด-19’ หากมีบริการฟรี

แนะ จัดหาวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเปราะบาง รับมือโรคระบาดที่มีแนวโน้มรุนแรง

เครือข่ายมหาวิทยาลัยสุขภาพหนึ่งเดียวแห่งประเทศไทย หรือ THOHUN (Thailand One Health University Network) เผยผลสำรวจความคิดเห็นคนไทยต่อวัคซีนโควิด-19 พบว่า กว่า 1 ใน 3 ของประชาชนยังต้องการรับวัคซีนหากมีบริการฟรี และส่วนใหญ่เห็นว่า ยังจำเป็นต้องจัดหาวัคซีนสำหรับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยง 608 เพื่อเตรียมพร้อมหากมีการระบาด หรือโรคที่มีแน้วโน้มอันตรายมากขึ้น โดยปัจจัยที่ทำให้ประชาชนลังเลในการรับวัคซีน มาจากความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงและประสิทธิภาพของวัคซีน ซึ่งการสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชนยังคงเป็นเรื่องจำเป็น

ผลการสำรวจในหัวข้อ “ความรู้ ความเข้าใจ การเข้าถึงข้อมูล และปัจจัยที่มีผลต่อการรับวัคซีนโควิด 19 ของประชาชนและกลุ่ม 608” พบว่า ประชาชนทั่วไปมีการรับรู้ที่ดีถึงดีมากเกี่ยวกับอาการของโรคโควิด-19 การปฏิบัติตนเมื่อติดเชื้อ และกลุ่มที่มีความเสี่ยง ส่วนใหญ่ยังคงติดตามข่าวสาร เช่น สถานการณ์และความรุนแรงของโรคระบาดในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของไวรัส โดยเลือกรับข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข และบางส่วนติดตามข้อมูลจากบุคคลที่มีชื่อเสียง

สำหรับประเด็นเกี่ยวกับวัคซีน ผู้ตอบแบบสอบถาม 39% ต้องการเข้ารับวัคซีนหากมีบริการฟรีให้ และมีเพียง 14% เที่ต้องการฉีดวัคซีนหากมีค่าใช้จ่าย และส่วนมากเห็นว่ายังมีความจำเป็นต้องจัดหาวัคซีนให้แก่บุคลากรด่านหน้าและกลุ่มเปราะบาง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดของโรคใหม่ หรือโรคอุบัติซ้ำที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดย 74% เห็นว่าบุคลากรทางการแพทย์ยังควรได้รับวัคซีน ขณะที่ราว 60% มองว่าผู้มีอายุมากกว่า 65 ปี และผู้มีโรคประจำตัว เป็นกลุ่มที่ควรได้รับวัคซีนเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามที่ลังเลในการรับวัคซีนมีเหตุผลหลัก ๆ จากความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียง และไม่มั่นใจในประสิทธิภาพของวัคซีน ดังนั้น การสื่อสารข้อเท็จจริงด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ และความเข้าใจที่ถูกต้องจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

รศ.ดร.แสงเดือน มูลสม ผู้ประสานงาน THOHUN อาจารย์ประจำคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า การเตรียมความพร้อมด้านวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยง 608 ควรต้องทำควบคู่ไปกับการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับบทบาทของวัคซีน โดย THOHUN มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายใน 3 แนวทาง ดังต่อไปนี้

1.สื่อสารให้ประชาชนเข้าใจถึงความสำคัญของวัคซีนอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของวัคซีนในการป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ซึ่งหน่วยงานด้านสาธารณสุข เช่น องค์การอนามัยโลก ยังคงแนะนำให้รับวัคซีนเป็นประจำทุกปี เนื่องจากไวรัสโควิด-19 มีการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว และภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนจะลดลงตามเวลา

2.จัดหาและสำรองวัคซีนให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางและบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเตรียมรับมือหากสถานการณ์แพร่ระบาดรุนแรงขึ้น

3.ประสานความร่วมมือในการคัดกรอง และตรวจสอบข้อมูลเท็จ พร้อมเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนอย่างทันท่วงที โดยผนึกกำลังจากภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะหน่วยงานทางการแพทย์ และภาคสื่อสารมวลชน เพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันที่ดีในการรับข่าวสารด้านสุขภาพ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดีของประชาชนทั้งประเทศ

“การทำการสำรวจในครั้งนี้ นอกจากจะมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความรู้ความเข้าใจของประชาชนแล้ว ยังมุ่งหวังที่จะสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐในการออกแบบการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และการวางแผนการป้องกันโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต” รศ.ดร.แสงเดือน กล่าว

Related Posts

Send this to a friend