HEALTH

‘ผดร้อนในทารก’ ปัญหาหน้าร้อนที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม

เมื่อลมร้อนพัดผ่าน นอกจากความสดชื่นของฤดูร้อนแล้ว สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่มักกังวลใจคือสุขภาพผิวอันบอบบางของเจ้าตัวน้อย โดยเฉพาะปัญหา “ผดร้อน” ที่มักมาพร้อมกับอากาศร้อนอบอ้าว สร้างความไม่สบายตัวให้กับทารก และความไม่สบายใจให้ผู้ปกครองไม่น้อย

แพทย์หญิง วณิชชา สุ่มศรีสุวรรณ กุมารแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (WMC) อธิบายว่า ผดร้อน หรือชื่อทางการแพทย์คือ Heat Rash หรือ Prickly Heat เป็นภาวะที่พบได้บ่อยมากในทารกช่วงหน้าร้อน หรือเมื่ออยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้น สาเหตุหลักเกิดจากการที่ต่อมเหงื่อของทารกยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้การระบายเหงื่อทำได้ไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ เมื่อเหงื่อสะสมใต้ผิวหนังจึงเกิดการอุดตันและกลายเป็นผดผื่นขึ้นมา

สังเกตอย่างไร ว่าเจ้าตัวน้อยกำลังเผชิญกับผดร้อน?

คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการผดร้อนได้ไม่ยาก อาการที่พบบ่อยมักจะมีลักษณะดังนี้:

  • ผื่นแดงเล็กๆ หรือตุ่มน้ำใส: มักปรากฏขึ้นบริเวณที่มีเหงื่อออกมากและอับชื้น เช่น ซอกคอ รักแร้ หลัง ข้อพับต่างๆ ขาหนีบ หรือแม้แต่หน้าผาก
  • อาการคันหรือระคายเคือง: เด็กอาจแสดงอาการหงุดหงิด งอแง ร้องไห้มากกว่าปกติ หรือพยายามเกาบริเวณที่เป็นผื่น

เคล็ด (ไม่) ลับ รับมือและป้องกันผดร้อนให้ลูกน้อย

ข่าวดีคือผดร้อนส่วนใหญ่ป้องกันและดูแลได้ไม่ยาก แพทย์หญิง วณิชชา ได้ให้คำแนะนำในการดูแลเบื้องต้น ดังนี้:

  1. อาบน้ำคลายร้อน: ควรอาบน้ำให้ลูกบ่อยขึ้น อาจเป็นวันละ 2-3 ครั้ง โดยใช้น้ำอุณหภูมิห้อง (ไม่จำเป็นต้องเป็นน้ำอุ่น) และเลือกใช้สบู่สูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอมหรือสารเคมีรุนแรง
  2. เสื้อผ้าคือปราการด่านสำคัญ: แนะนำให้เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย เนื้อบางเบา โปร่งสบาย ระบายอากาศได้ดี และหลีกเลี่ยงผ้าใยสังเคราะห์หรือผ้าหนาๆ ที่ทำให้อับชื้น
  3. จัดสภาพแวดล้อมให้เย็นสบาย: ดูแลให้อากาศในห้องถ่ายเทได้สะดวก อาจเปิดพัดลมส่ายเบาๆ หรือใช้เครื่องปรับอากาศควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม ไม่ร้อนหรืออับชื้นจนเกินไป
  4. งดแป้งหรือครีมที่ไม่จำเป็น: คุณหมอวณิชชา แนะนำให้งดการใช้แป้ง (โดยเฉพาะแป้งเย็น) หรือครีมบางชนิดโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะแม้จะให้ความรู้สึกเย็นสบายชั่วคราว แต่อาจเข้าไปอุดตันรูขุมขน ทำให้การระบายเหงื่อแย่ลงและผดเห่อมากขึ้นได้

สัญญาณเตือน! เมื่อไหร่ที่ผดร้อนไม่ใช่เรื่องเล็ก และควรพบแพทย์

แม้ผดร้อนส่วนใหญ่มักหายได้เองใน 2-3 วัน แต่คุณหมอเน้นย้ำว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตอาการ หากพบสัญญาณเตือนเหล่านี้ ควรพาลูกไปพบกุมารแพทย์ทันที:

  • ผื่นดูแย่ลง มีลักษณะติดเชื้อ เช่น เป็นหนอง บวม แดงจัด หรือดูอักเสบมากขึ้น
  • ลูกน้อยมีไข้ร่วมด้วย
  • เด็กร้องไห้ไม่หยุด หรือดูไม่สบายตัวอย่างมาก
  • อาการผดร้อนไม่ดีขึ้นเลยภายใน 2-3 วัน หลังการดูแลอย่างเหมาะสมแล้ว

ผดร้อนในทารกเป็นภาวะที่พบบ่อยและมักไม่ร้ายแรง แต่การดูแลเอาใจใส่เรื่องความสะอาด การระบายอากาศ และการเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและบรรเทาอาการ ช่วยให้เจ้าตัวน้อยสบายตัวและผ่านหน้าร้อนนี้ไปได้อย่างมีความสุข อย่างไรก็ตาม หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีสัญญาณน่ากังวล การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคือสิ่งที่ดีที่สุดข้อมูล: แพทย์หญิง วณิชชา สุ่มศรีสุวรรณ กุมารแพทย์ทั่วไป ศูนย์กุมารเวชศาสตร์ ชั้น 2 โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (WMC)

Related Posts

Send this to a friend