‘สงกรานต์สนุก…สุขภาพสะดุด?’ จับตาโรคติดต่อหลังเทศกาล ปัจจัยเสี่ยง ‘น้ำ-คน’
สงกรานต์ที่ผ่านมา เต็มไปด้วยความสนุก รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสนุกสนานชุ่มฉ่ำ บางคนบอกว่าสุขภาพจิตดีขึ้น เพราะได้หยุด ได้พัก และสนุกสนานเต็มที่ แถมด้วยประสบการณ์ดีๆ เนื่องจากหลายที่มีการจัดการที่ดีขึ้น มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยควบคุมเรื่องความปลอดภัย และผู้คนที่เล่นกันก็เล่นน้ำด้วยความสุภาพมากขึ้น
แต่สุขภาพจิตดีขึ้น … แล้วสุขภาพกายล่ะจะเป็นอย่างไร เมื่อเราออกไปแช่น้ำท่ามกลางอากาศ ‘ร้อนตับแตก’ 3 วันเต็มๆ แถมบางวันยังมีฝนตกอีกด้วย ท่ามกลางคนมากมายที่เบียดเสียดในบางพื้นที่ … มาสำรวจกันว่าจบสงกรานต์เราต้องระวังด้านสุขภาพอะไรบ้าง
‘น้ำ’ และ ‘ฝูงชน’ ปัจจัยเร่งการระบาด
ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่ผ่านมาชี้ให้เห็นถึงโรคติดเชื้อหลายชนิดที่พบบ่อยขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีสาเหตุเชื่อมโยงกับกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเทศกาลอย่างชัดเจน:
1.โรคตาแดง (เยื่อบุตาอักเสบ): เป็นโรคยอดฮิตอันดับต้นๆ หลังสงกรานต์ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ปนเปื้อนมากับน้ำที่ไม่สะอาด หรือน้ำแข็งที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งถูกนำมาใช้เล่นสาดกัน การสัมผัสเชื้อโดยตรง หรือใช้มือที่ปนเปื้อนเชื้อขยี้ตา ทำให้เกิดอาการตาแดง เคืองตา มีขี้ตามาก และอาจแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้ง่าย
2.โรคระบบทางเดินอาหาร (อุจจาระร่วง, อาหารเป็นพิษ): การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่สะอาด สุกๆ ดิบๆ หรือน้ำแข็งที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เป็นสาเหตุหลักของอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งมักพบบ่อยในแหล่งท่องเที่ยวหรือบริเวณที่มีการจำหน่ายอาหารจำนวนมากและอาจดูแลสุขอนามัยได้ไม่ทั่วถึง
3.ไข้หวัดใหญ่ และโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ (รวมถึง โควิด-19): การรวมตัวของคนจำนวนมากในพื้นที่จำกัด หรือการตะโกนส่งเสียงดังระหว่างเล่นน้ำ เพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อไวรัสผ่านทางละอองฝอยจากการไอ จาม หรือพูดคุยใกล้ชิด ประกอบกับการที่ร่างกายอ่อนเพลียจากการเดินทางหรือเล่นน้ำ อาจทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
4.โรคผิวหนัง: การสัมผัสน้ำที่ไม่สะอาดเป็นเวลานาน หรือน้ำที่มีสิ่งปนเปื้อน อาจทำให้เกิดผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อราได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีแผลหรือผิวบอบบาง
ก่อนช่วงเทศกาล กระทรวงสาธารณสุขและกรมควบคุมโรคได้ออกประกาศเตือนและให้คำแนะนำในการป้องกันโรคแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นมาตรการเชิงรุกที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิผลสูงสุดยังคงขึ้นอยู่กับการรับรู้และปรับพฤติกรรมของประชาชนแต่ละคนด้วย
เฝ้าระวังอาการ-ดูแลตนเอง ลดเสี่ยง
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ แนะนำว่า ประชาชนที่เดินทางกลับจากต่างจังหวัด หรือเพิ่งผ่านการร่วมกิจกรรมที่มีคนหนาแน่น ควรสังเกตอาการผิดปกติของตนเองและคนในครอบครัวในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรพิจารณาพบแพทย์:
• ไข้สูง ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก (อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่/โควิด-19)
• ตาแดง เคืองตา ตาแฉะ มีขี้ตามากผิดปกติ
• ท้องเสีย ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน คลื่นไส้ อาเจียน
• มีผื่นคัน หรือแผลพุพองตามผิวหนัง
ด้านกรมควบคุมโรคเน้นย้ำถึงหลักสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ยังคงสำคัญเสมอ ได้แก่ การล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำสะอาด รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ และหากมีอาการป่วย ควรพักผ่อนอยู่บ้านและหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่นเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
ความสนุกสนานจากเทศกาลสงกรานต์เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและช่วยเติมพลังใจ แต่การ์ดต้องไม่ตก การตระหนักถึงความเสี่ยง การเฝ้าระวังอาการ และการดูแลสุขอนามัยอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ทุกคนผ่านช่วงหลังเทศกาลไปได้อย่างปลอดภัยและมีสุขภาพดี พร้อมกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่