HEALTH

กรมอนามัย เผยอากาศร้อนจนถึงกลางเดือนนี้ แนะงดกิจกรรมการแจ้ง-ดื่มน้ำให้มาก

วันนี้ (2 พ.ค. 66) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สภาพอากาศที่ร้อนจัดช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่าภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ กลาง และตะวันออก มีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ในระดับมีอันตรายและอันตรายมาก โดยจังหวัดที่มีอุณหภูมิสูงสุดมากกว่า 43 องศาเซลเซียส (ระดับอันตรายมาก) คือ ตาก ลำปาง เพชรบูรณ์ เลย และอุดรธานี อีกทั้งจังหวัดที่มีค่าดัชนีความร้อนในระดับอันตรายมาก คือ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี และภูเก็ต ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าสภาพอากาศที่ร้อนจัดจะยาวไปจนถึงช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และสิ้นสุดฤดูร้อนช่วงกลางเดือนเดียวกัน

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวถึงประชาชนว่า ขอให้เช็กสภาพอากาศเป็นประจำ ซึ่งสามารถตรวจสอบอุณหภูมิสูงสุดควบคู่กับค่าดัชนีความร้อนจากกรมอุตินิยมวิทยา เนื่องจากอากาศร้อนจัดจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยค่าดัชนีความร้อนจะเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าอุณหภูมิที่วัดได้จริง คำนวณจากค่าอุณหภูมิและค่าความชื้นสัมพัทธ์ ทำให้ร่างกายรู้สึกว่าร้อนอบอ้าวกว่าปกติ คล้ายลักษณะก่อนฝนตก เพราะบรรยากาศมีความชื้นสูง ประกอบกับการสะสมความร้อน ทำให้อากาศบริเวณนั้นมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ และความชื้นในอากาศที่สูง จะทำให้การระเหยน้ำในร่างกายต่ำลง ร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนผ่านเหงื่อออกทางรูขุมขน จนเป็นสาเหตุของโรคฮีทสโตรก

สำหรับโรคฮีทสโตรก มีทั้งภาวะ Classic heatstroke or Non-exertional heatstroke ซึ่งเกิดจากการอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่อุณหภูมิสูงจนทำอุณหภูมิในร่างกายสูงตาม และภาวะ Exertional heatstroke เกิดจากอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นจากการทำงานหรือออกกำลังกายอย่างหนักในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคฮีทสโตรกมีปัจจัยเสี่ยงมากมาย เช่น อายุที่น้อยหรือมากเกินไป มีโรคประจำตัว ทั้ง โรคหัวใจ โรคปอด และโรคอ้วน เป็นต้น ไม่ได้ออกกำลังกาย การใช้ยาบางกลุ่มที่ทำให้สูญเสียน้ำ หรือร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่ออุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้น การดื่มแอลกอฮอล์

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวถึงวิธีป้องกันจากโรคฮีทสโตรก โดยให้คำแนะนำว่า ควรดื่มน้ำสะอาดบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงสภาพอากาศร้อนจัด สวมเสื้อผ้าสีอ่อนเพราะจะระบายอากาศได้ดี สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด ทาครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง และหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์ ทั้งนี้สามารถสังเกต 4 อาการเสี่ยงจากโรคฮีทสโตรก ได้แก่ เหงื่อไม่ออก สับสนมึนงง ตัวร้อนจัด ผิวหนังเป็นสีแดงและแห้ง

“หากพบผู้ป่วยโรคฮีทสโตรก ควรรีบตามแพทย์ หรือโทร 1669 และพาผู้ป่วยหลบเข้าที่ร่มหรือห้องมีความเย็น จัดผู้ป่วยให้นอนราบ ยกเท้าและสะโพกสูง รวมถึงถอดเสื้อผ้าออกเท่าที่จำเป็นเพื่อระบายความร้อน ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัวหรือวางถุงน้ำแข็งที่คอ รักแร้ และขาหนีบ หากผู้ป่วยหมดสติให้จับนอนตะแคงเพื่อป้องกันโคนลิ้นอุดทางเดินหายใจ และรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว” นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าว

Related Posts

Send this to a friend