‘โรบินสันไลฟ์สไตล์’ ขับเคลื่อนแผนยั่งยืน ชูโมเดล ‘Central to Life’ หนุนเศรษฐกิจชุมชน-ลุยพลังงานสะอาด 25 สาขามุ่ง Net Zero
ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ประกาศเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์องค์กรสอดรับกับจุดมุ่งหมายหลัก “Central to Life” หรือการเป็นศูนย์กลางชีวิตของทุกคน โดยมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืนครอบคลุมทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามเจตนารมณ์ “Retail and Wholesale for All” ของเซ็นทรัล รีเทล
เลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า “ที่โรบินสันไลฟ์สไตล์ เราเชื่อมั่นว่าความยั่งยืนไม่ใช่เพียงเป้าหมายขององค์กร แต่เป็นหัวใจของการเติบโตที่ต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกับทุกภาคส่วน เราจึงมุ่งดำเนินธุรกิจด้วยเป้าหมายการเป็น Central to Life ที่เป็นทั้งศูนย์กลางการใช้ชีวิตของลูกค้า และยังรวมไปถึงการเป็นศูนย์กลางของการสร้างคุณค่าร่วม ระหว่างธุรกิจ คู่ค้า และชุมชน”
ในมิติด้านสังคมและเศรษฐกิจ โรบินสันไลฟ์สไตล์วางแนวทางยกระดับศูนย์การค้าให้เป็น “แพลตฟอร์มแห่งการเติบโต” โดยเปิดพื้นที่สนับสนุนหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการท้องถิ่น อาทิ การจัดนิทรรศการศิลปนิพนธ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, งานเปิดบ้านวิทยาลัยเทคนิคตรัง, และโครงการ Farm School จ.ลพบุรี นอกจากนี้ยังสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากผ่านมหกรรมสินค้า OTOP และโครงการหลวง Strawberry Festival เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนสู่ชุมชน รวมถึงกิจกรรม “Add To Cart Bangkok 2025” ที่เปิดโอกาสให้ร้านค้าออนไลน์ได้พบปะลูกค้าจริงที่สาขาสุวรรณภูมิ
ด้านการส่งเสริมสุขภาพอนามัย ศูนย์การค้ามุ่งเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพที่เข้าถึงง่าย โดยร่วมมือกับสภากาชาดไทยในโครงการบริจาคโลหิต รวมถึงจัดกิจกรรมรณรงค์ด้านสุขภาพต่างๆ เช่น วันงดสูบบุหรี่โลกที่ จ.ถลาง, บริการตรวจสุขภาพฟรีในวันแรงงานที่ จ.มุกดาหาร และกิจกรรมวิ่งการกุศลต้านภัยโรค NCDs ที่ จ.ชัยภูมิ เพื่อระดมทุนสนับสนุนโรงพยาบาลในพื้นที่
สำหรับมิติด้านสิ่งแวดล้อม โรบินสันไลฟ์สไตล์เดินหน้านโยบาย Net Zero อย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งแต่ปี 2560 ถึงเดือนตุลาคม 2568 ดำเนินการติดตั้ง Solar Rooftop ครอบคลุมแล้วกว่า 25 สาขา ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมกว่า 1.2 แสนตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า อีกทั้งยังติดตั้งโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะใน 26 สาขา ซึ่งช่วยลดค่าไฟฟ้าได้กว่า 2 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ยังเร่งขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยานยนต์ไฟฟ้า โดยติดตั้งสถานีชาร์จ EV Charging Station ร่วมกับพันธมิตรแล้วจำนวน 30 จุด และนำเทคโนโลยี AI Chiller Plant Optimization มาใช้บริหารระบบปรับอากาศภายในศูนย์การค้าเพื่อลดการใช้พลังงาน พร้อมวางแผนพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดในอนาคต เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) และการเปลี่ยนพลังงานลมเป็นไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคตสีเขียวอย่างยั่งยืน












