อินฟอร์มา ชี้ ธุรกิจอาหาร-ร้านอาหาร ต้องปรับตัวฝ่าปัจจัยลบ เผย 3 กลุ่มธุรกิจอาหารที่มีศักยภาพ

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เผยข้อมูล 3 กลุ่มธุรกิจอาหารที่ยังมีศักยภาพ หลังสถานการณ์ธุรกิจอาหาร-ร้านอาหาร ต้องปรับตัวเพื่ออยู่รอด แนะรักษาพื้นฐานหัวใจสำคัญของธุรกิจ คุณภาพ รสชาติ บริการ และการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ชวนร่วมงาน Food & Hospitality Thailand 2025 เสริมศักยภาพธุรกิจ เตรียมจัดแสดงสินค้าและวัตถุดิบพรีเมียม นวัตกรรมและเทคโนโลยีอุปกรณ์ใหม่
นางสาวสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand (FHT) 2025 กล่าวถึงทิศทางของธุรกิจอาหารและร้านอาหารว่า ภาพรวมของธุรกิจปีนี้อยู่บนความท้าทายอย่างมาก จากการได้รับผลกระทบในหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนวัตถุดิบ และการบริหารจัดการที่เพิ่มขึ้น กำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัว จำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นไปตามเป้า และการแข่งขันที่รุนแรงจากทั้งในและต่างประเทศ
ส่วนแนวโน้มของธุรกิจอาหารและร้านอาหารที่ยังมีศักยภาพและเติบโตได้มี 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอาหารและร้านอาหารพรีเมียม ซึ่งจับลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง กลุ่มร้านอาหารที่มีจุดเด่นเฉพาะ ร้านที่มีรางวัลการันตี หรือมีชื่อเสียงมายาวนาน ซึ่งร้านอาหารในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่แวะเวียนมาเพื่อชิมและรับประทานอาหารหมุนเวียนอย่างสม่ำเสมอ และกลุ่มธุรกิจอาหารแบบ Fast Fashion Food ดำเนินธุรกิจรวดเร็ว ไม่เน้นขยายสาขาแบรนด์เดิม เน้นการสร้างแบรนด์ใหม่ต่อเนื่อง ปรับตัวตามเทรนด์และพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของธุรกิจอาหารและร้านอาหารยังคงอยู่ที่การรักษาคุณภาพและรสชาติ การบริการที่ดี และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ส่วนสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นความแปลกใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการลดต้นทุนและการดำเนินธุรกิจ กลยุทธ์การตลาดและการสื่อสาร เป็นตัวช่วย
สำหรับงาน FHT 2025 จะจัดแสดงสินค้าวัตถุดิบ เครื่องปรุง และเครื่องดื่มประเภทมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์กว่า 200 แบรนด์ อุปกรณ์ครัว นวัตกรรมและเทคโนโลยีของอุปกรณ์และโซลูชั่นที่ใช้ในธุรกิจอาหารกว่า 150 แบรนด์ ผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจอาหารและร้านอาหารอีกกว่า 300 แบรนด์ จากผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชั้นนำทั้งไทยและนานาชาติ ใน 8 โซนแสดงสินค้า ได้แก่ Food & Drinks, Cafe & Bakery, Shop & Retail, Sips & Spirits, Foodservice Equipment, Hospitality Technology, Hospitality Style และ Cleaning Supplies & Equipment
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม เวิร์กชอป การแข่งขัน และการสัมมนาให้ความรู้ในหัวข้อสำคัญจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรเอกชนและสมาคมธุรกิจกว่า 20 องค์กร ทั้งสัมมนา Amazing Grand Thailand สัมมนา Green & Sustainable Tourism เวิร์กขอป Wine Masterclass และเวิร์กชอปทำอาหารและเครื่องดื่มจากสถาบันชั้นนำและผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สเตฟาโน เจอราดิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแอลทีอิตาเลีย จำกัด (GLT Italia) ผู้นำเข้าไวน์ชั้นนำจากอิตาลี กล่าวถึงการเติบโตของตลาดไวน์ในประเทศไทยว่า ไม่กี่ปีที่ผ่านมาความต้องการไวน์กลุ่มไฮเอนด์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผู้บริโภคให้ความสนใจพันธุ์องุ่นที่ไม่คุ้นเคยเพื่อแสวงหารสชาติที่หลากหลายและประสบการณ์ใหม่ในการดื่ม GLT Italia จึงเน้นนำเข้าไวน์พื้นเมืองจากอิตาลีที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในตลาดมากขึ้น ให้ความสำคัญในการถ่ายทอดเบื้องหลังของไวน์แต่ละชนิด เชื่อมโยงรสชาติ เรื่องราว และวัฒนธรรมการดื่มไวน์รูปแบบใหม่
นางสาวจิราธิวัฒน์ เชื้อสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิวตั้น ฟู้ด อิควิปเม้นท์ จำกัด ผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์ครัวและเบเกอรี่จากทั่วโลกกว่า 30 แบรนด์ กล่าวถึงแนวโน้มตลาดอุปกรณ์ครัวเชิงพาณิชย์และการปรับตัวสู่เทคโนโลยีครัวยุคใหม่ว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่กลุ่มร้านอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่มยังมีการลงทุน เพื่อลดภาระต้นทุนแรงงาน โดยหันมาใช้อุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยแทน นิวตั้นจึงเน้นนำเข้าสินค้าที่ช่วยผู้ประกอบการส่วนนี้มากขึ้น พร้อมการสนับสนุนหลังการขาย ด้วยทีมเชฟและวิศวกรในการออกแบบครัวอย่างครบวงจร
ทั้งนี้ งาน Food & Hospitality Thailand (FHT) 2025 จัดขึ้นวันที่ 20-23 สิงหาคม 2025 ชั้น G ฮอลล์ 1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์