ECONOMY

DITP ประเมินส่งออกตลาดอิตาลีปีนี้สดใส

DITP ประเมินส่งออกตลาดอิตาลีปีนี้สดใสคาดช่วงโค้งสุดท้ายหลายสินค้าแนวโน้มดี

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ประเมินแนวโน้มการส่งออกตลาดอิตาลี ยังคงสดใส หลังยอดส่งออก 9 เดือนโต 4.82% คาดในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังส่งออกได้ดีขึ้นโดยเฉพาะอัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศ หม้อแปลงไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ รวมถึงข้าว เครื่องดื่ม อาหารสำเร็จรูป พร้อมแนะผู้ส่งออกศึกษากฎระเบียบของอียูและอิตาลีให้ดี เหตุเป็นตลาดที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูง

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจาก นางสาวอนงค์นารถ มหาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน อิตาลี ถึงตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดอิตาลี และโอกาสส่งออกสินค้าไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยทูตพาณิชย์ได้รายงานข้อมูลว่า ในช่วง 9 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) การค้าไทย-อิตาลี มีมูลค่า 3,942.77 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.03% เป็นการส่งออกมูลค่า 1,656.45 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.82% และการนำเข้ามูลค่า 2,286.33 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.19% ไทยขาดดุลการค้ากับอิตาลี มูลค่า 629.88 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 6.16%

สำหรับสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปอิตาลีที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 14.81% สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่ม 39.53% เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เพิ่ม 11.46% หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เพิ่ม 77.69% รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เพิ่ม 36.83% เป็นต้น สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ลด 35.99% โดยสินค้าสำคัญที่ลดลง เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง ลด 37.23% อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ลด 29.74% ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ลด 32.89% เป็นต้น และกลุ่มสินค้าเกษตรกรรม ลด 21.54% โดยสินค้าสำคัญที่ลดลง เช่น ปลาหมึก มีชีวิต สด แช่เย็น แช่แข็ง ลด 19.26% ยางพารา ลด 38.34% เป็นต้น

นายภูสิตกล่าวว่า ใน 2566 คาดว่าสินค้าอุตสาหกรรมของไทยยังคงมีโอกาสในการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และเครื่องนุ่งห่มซึ่งถือเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปยังอิตาลีในอันดับต้นๆ โดยเฉพาะสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมีสัดส่วนสูงถึง 16.44% ของสินค้าส่งออกของไทยมายังอิตาลีทั้งหมด

ส่วนสินค้าเกษตรกรรมที่มีแนวโน้มสดใส ได้แก่ ข้าว ซึ่งถือเป็นสินค้าที่ไทยยังมีโอกาสในการขยายมูลค่าและปริมาณการส่งออกมายังอิตาลีได้โดยเฉพาะข้าวขาวและข้าวนึ่งที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสามารถแข่งขันได้ในตลาดอิตาลีและอานิสงส์จากการที่อินเดียงดส่งออกข้าวขาว ในขณะที่ข้าวหอมมะลิไทยและข้าวกล้องยังคงหดตัวลดลง เนื่องจากราคาที่สูงกว่าข้าวขาว และปัจจุบันผู้บริโภคชาวอิตาเลียนประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น

ในส่วนของกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยที่มีโอกาสขยายการส่งออกมายังอิตาลีเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ผักกระป๋อง และผักแปรรูป ผลิตภัณฑ์ข้าว เป็นต้น

นอกจากนี้ ผลจากการที่กรมได้ดำเนินการจัดงานแสดงสินค้า Bangkok Gems and Jewelry Fair ปีละ 2 ครั้ง และการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยภายใต้โครงการ SMEs Pro-active ในการเข้าร่วมแสดงสินค้าเครื่องประดับและอัญมณีในงาน Vicenzaoro ในอิตาลี เป็นการส่งเสริมและผลักดันให้การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นในตลาดอิตาลีอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกัน คาดว่า ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ซึ่งถือเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองที่สำคัญที่สุดของอิตาลี การจับจ่ายซื้อสินค้าของชาวอิตาเลียนไม่ว่าจะเป็นสินค้าอาหาร ของขวัญ เครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องประดับ มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น
กว่าในช่วงอื่นๆ ของปี ซึ่งอาจส่งผลให้การส่งออกสินค้าของไทยมายังอิตาลียังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งในด้านมูลค่าและด้านปริมาณ

อย่างไรก็ตาม ในการขยายการส่งออกไปยังอิตาลี ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องศึกษากฎระเบียบต่างๆ ของสหภาพยุโรปและอิตาลีอย่างละเอียด เนื่องจากเป็นตลาดที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูงการปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎระเบียบต่างๆ อย่างเคร่งครัดจะช่วยสร้างความน่าเชื่อมั่นให้กับสินค้าไทย และยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ ผู้นำเข้า รวมถึงการมาทดสอบศึกษาตลาดด้วยตนเองจะทำให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและแนวโน้มตลาดได้ดียิ่งขึ้น

Related Posts

Send this to a friend