ECONOMY

บีโอไอ เดินหน้าขับเคลื่อนการลงทุน BCG หนุนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ เปลี่ยนแปลงประเทศ

บีโอไอ ขับเคลื่อนการลงทุน BCG หนุนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ เปลี่ยนแปลงประเทศ โดยมุ่งผลักดันให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ Startup หรือ SMEs รุ่นใหม่ เห็นความสำคัญของอุตสาหกรรม BCG โดยนำเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆ เข้ามาช่วยยกระดับการพัฒนากระบวนการผลิตสินค้าและบริการ ที่เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ กระจายการลงทุนในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ไปสู่เศรษฐกิจใหม่อย่างยั่งยืนในอนาคต

ทั้งนี้ในเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำ ภาคเอกชนของเอเปค (APEC CEO Summit 2023) ที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมประชุม พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ และความมุ่งหมายสำคัญของประเทศไทย ในการพัฒนาสู่ความยั่งยืน ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG การต่อยอดการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว ตอบรับกระแสการลงทุนของโลกยุคใหม่ เพื่อบรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน

นายสุทธิเกตติ์ ทัดพิทักษ์กุล รักษาการที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า บีโอไอให้ความสำคัญ กับการส่งเสริมกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญ ของกลุ่มอุตสาหกรรม BCG ด้วยจุดเด่นของประเทศไทย ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ มีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีคำขอรับส่งเสริมการลงทุนกว่า 200 โครงการ มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท จากโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งหมดกว่า 1,500 โครงการ

“ความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพ ช่วยสร้างโอกาสในวิกฤตให้กับประเทศไทย โดยในช่วงที่ผ่านมา บีโอไอให้ความสำคัญ กับกิจการกลุ่มนี้เป็นพิเศษ มีการเพิ่มกิจการใหม่ๆ และให้สิทธิประโยชน์ เพื่อยกระดับผู้ประกอบการในประเทศไทย ให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้สอดคล้อง กับกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก” สุทธิเกตติ์ กล่าว

สำหรับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ถือเป็น Game Changers ที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจใหม่ใน 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) คำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และอยู่ภายใต้เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล

ทั้งนี้จากการมุ่งมั่นยกระดับให้ประเทศไทย ก้าวสู่เป้าหมายการเป็น BCG Capital ของอาเซียน และการให้สิทธิประโยชน์ของบีโอไอ ทำให้ปีที่ผ่านมา มีการขยายการลงทุน จากบริษัทผู้ผลิตอาหารระดับโลกมายังประเทศไทย อาทิ มันฝั่งพริงเกิลส์ คุกกี้โลตัส รวมถึงผู้ประกอบการไทย อย่างวราภรณ์ซาลาเปา และคุณเก๋ ขนมหวาน ผู้ผลิตขนมไทย ที่เริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัว ต่อยอดยกระดับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และแพ็กเกจจิ้งที่ทันสมัย จนก้าวสู่ผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารของไทย ถือเป็นตัวอย่างของผู้ประกอบการ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากบีโอไอ จูงใจให้เกิดการพัฒนาและยกระดับ กระบวนการผลิตให้ทันสมัย ให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค

นอกจากนี้ บีโอไอยังมุ่งส่งเสริมการลงทุนในเชิงของพื้นที่ โดยมีโมเดลความสำเร็จ ของโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ต่อยอดสู่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ กลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ Northeastern Economic Corridor: NeEC – Bioeconomy ที่เน้นการลงทุนในอุตสาหกรรม BCG เพื่อพัฒนาเป็นฐานอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตลอดห่วงโซ่การผลิต หรือ “ไบโอฮับ” ซึ่งในปี 2567 บีโอไอจะออกแบบมาตรการใหม่ๆ เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนให้สอดคล้องกับความหลากหลาย และจุดแข็งของแต่ละพื้นที่ ของระเบียงเศรษฐกิจทั้ง 4 ภาค เพื่อกระจายการลงทุนไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย

ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นถิ่นกำเนิดของงานศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความคิดสร้างสรรค์ และมีสถาบันการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี รวมไปถึงหน่วยงานวิจัยอื่นๆ อีกหลายแห่งสามารถต่อยอดงานวิจัยได้ ที่สำคัญภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังเป็นประตูเศรษฐกิจสู่ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่มีศักยภาพเติบโตสูง และสามารถขยายการลงทุน ออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นฐานการลงทุนของอุตสาหกรรม BCG หรือเป็นศูนย์กลางการลงทุนอุตสาหกรรม BCG ในภูมิภาคอาเซียน

สำหรับสถิติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่ม BCG ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุน หรือบีโอไอ ช่วงเดือนมกราคม – กันยายน 2566 พบว่า มีคำขอรับส่งเสริมฯ จำนวน 254 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 73,353 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลขการออกบัตรส่งเสริม ซึ่งเป็นการลงทุนจริง พบว่า มีจำนวน 416 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 55,778 ล้านบาท

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat