CRIME

รวบ ‘อาหยง’ นายทุนจีนเครือข่ายหลอกคนไทยไปเป็น Scammer ที่เมียนมา

ตร.สอบสวนกลาง รวบ ‘อาหยง’ นายทุนจีน หัวโจกเครือข่ายหลอกคนไทยไปเป็น Scammer ที่เมียนมา

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการ นำโดย พ.ต.ท.อนุชา ศรีสำโรง รอง ผกก.ฯ ร่วมกันจับกุม นายหวง เทียนหยง หรือ อาหยง อายุ 33 ปี สัญชาติจีน ลานจอดรถย่าน ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1112/2564 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 ในฐานความผิด “สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ , ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปหรือโดยสมาชิกองค์อาชญากรรมกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานฯ”

สืบเนื่องจาก ช่วงเดือน ม.ค.- พ.ค. 64 เครือข่ายขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติที่ประกอบด้วยคนจีน ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมา รวม 19 คน สมคบและร่วมกันกระทำความผิด เป็นขบวนการค้ามนุษย์ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ มีพฤติการณ์ คือ หลอกลวงคนไทยไปทำงาน ด้วยวิธีการลงโฆษณาในอินเทอร์เน็ต หลอกว่ามีการจัดหาคนไปทำงานที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก

เมื่อมีผู้เสียหายหลงเชื่อ และเดินทางไปที่จุดนัดพบ กลับถูกบังคับพาข้ามไปทำงานที่ฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยใช้วิธีเดินเท้าผ่านป่า เพื่อไปข้ามแม่น้ำเมย เมื่อไปถึง จะถูกพาไปที่บริษัท JinXin Holdings จำกัด เมืองเมียวดี จากนั้นผู้เสียหายจะถูกเครือข่ายผู้ต้องหาบังคับใช้แรงงาน ให้ทำงานเป็น Scammer (การหลอกลวงเพื่อเอาผลประโยชน์จากผู้อื่นทางอินเตอร์เน็ต) โดยให้พูดหลอกลวงลูกค้าให้มาลงทุนทำธุรกิจเงินดิจิทัล

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งเป็นคนไทยได้ 7 คน เป็นหญิง 5 คน เป็นชาย 2 คน ซึ่งจากการสอบปากคำผู้เสียหาย ให้การว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะสร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมาในแอปพลิเคชั่นต่างๆ เช่น Tinder , Badoo , Blumboo , Jaumo Dating ฯลฯ แล้วให้กลุ่มผู้เสียหายพูดคุยหลอกถามข้อมูลบุคคล ก่อนชักชวนคนมาลงทุน เมื่อมีคนสนใจทักกลับมา จะส่งต่อให้หัวหน้าทีมซึ่งเป็นชาวมาเลเซียและฟิลิปปินส์ ดำเนินการต่อ

ทั้งนี้ กลุ่มผู้เสียหายจะถูกบังคับให้ทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ต้องทำยอดให้ได้ตามที่กำหนด หากใครไม่ยอมทำงานหรือทำงานไม่ได้ตามยอด จะถูกลงโทษโดยส่งไปขังที่ “ห้องดำ” หรือถูกทำร้ายร่างกายโดยการโกนผมและใช้ไฟฟ้าช็อต หากผู้เสียหายคนใดต้องการกลับมาประเทศไทย จะต้องนำเงินมาจ่ายเป็นค่าไถ่ตัว 50,000 บาท พบว่า ผู้เสียหายบางรายได้ติดต่อญาติให้เอารถไปจำนำ บางรายไปกู้เงินนอกระบบมาโอนให้กลุ่มผู้ต้องหา จึงได้รับการปล่อยตัวออกมา

หลังจากผู้เสียหายทั้ง 7 คน เดินทางข้ามพรมแดนกลับมายังประเทศไทย ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ถูกจับกุมตัวตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ โดยระหว่างถูกกักตัว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ได้ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ สอบปากคำกลุ่มผู้เสียหายทั้ง 7 คน จนพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีค้ามนุษย์ข้ามชาติ เป็นเครือข่ายกระบวนการกระทำผิดระหว่างคนไทย จีน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมา จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปคม. ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาตามกฎหมาย จนนำไปสู่การออกหมายจับ 19 หมาย แบ่งเป็นคนจีน 3 ราย , มาเลเซีย 1 ราย , ฟิลิปปินส์ 1 ราย , เมียนมา 3 ราย และคนไทย 11 ราย โดยมีนายอาหยงและเพื่อนชาวจีนเป็นหัวหน้าและนายทุน

จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่ทราบว่า นายอาหยงได้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยช่วงเดือน พ.ค. 65 เพื่อมาทำธุรกิจฟอกเงิน ด้วยการเปิดค่ายมวยชื่ออาหยงยิมส์ และเป็นโปรโมเตอร์ในการจัดต่อยมวยตามเวทีต่างๆ ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่สืบสวนจนกระทั่งทราบว่า นายอาหยงจะเดินทางไปบริเวณลานจอดรถย่านถนนรามอินทรา ในวันที่ 29 ต.ค. 65 จึงเดินทางไปตรวจสอบและจับกุมได้บริเวณดังกล่าว

Related Posts

Send this to a friend