สอบสวนกลาง แถลงผลกวาดล้างนอมินีต่างชาติพบต่างชาติกว้านซื้อที่ดินในภูเก็ตมูลค่าหลายพันล้าน
สอบสวนกลาง แถลงผลกวาดล้างนอมินีต่างชาติ กว้านซื้อ และถือครองที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาตในจังหวัดภูเก็ต มูลค่าหลายพันล้านบาท พบต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่ดินในภูเก็ต ตั้งแต่ปี 62 สูงกว่า 9 หมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย
วันนี้ (31 พ.ค. 67) เวลา 10:00 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และนายบุญธรรม หอไพบูลย์สกุล รองอธิบดีกรมที่ดิน แถลงผลการปฏิบัติการ CIB Peration Nominee Sweep ล้างบางเครือข่ายนอมินีต่างชาติในภูเก็ต หลังพบกลุ่มขาวรัสเซีย ลักลอบทำธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาต และถือครองที่ดิน มูลค่าหลายพันล้านบาท
โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นบริษัทรับทำบัญชี และบริษัทซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต รวม 4 จุด พร้อมยึดของกลางเป็นเอกสารถือครองที่ดินกว่า 245 รายการ แบ่งเป็นห้องชุด 196 ห้อง มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท และโฉนดที่ดิน 43 แปลง เนื้อที่ 24 ไร่ มูลค่าไม่รวมสิ่งปลูกสร้างกว่า 200 ล้านบาท รวมทั้งเอกสาร และข้อมูลการจัดตั้งบริษัท 800 บริษัท ตราประทับบริษัทต่างๆ 1,601 บริษัท เอกสารใบอนุญาตทำงาน หรือ Work permit 108 เล่ม และหนังสือเดินทาง 196 เล่ม สมุดบัญชีธนาคาร 225 เล่ม และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตำรวจยังได้ดำเนินคดีกับชาวต่างชาติที่มาประกอบธุรกิจในไทย และกว้านซื้อที่อยู่อาศัยอย่างผิดกฎหมาย และนอมินีคนไทยได้รวมกว่า 231 ราย แบ่งเป็นนิติบุคคล 96 ราย, และในฐานะบุคคล 135 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 98 คน ทั้งชาวรัสเซีย จีน ยูเครน อินเดีย และสัญชาติอื่นๆ ส่วนอีก 37 คนเป็นชาวไทย โดยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 85 คนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในช่วงบ่ายวันนี้ ส่วนที่เหลือจะทยอยออกหมายเรียกมาดำเนินการภายหลัง
อย่างไรก็ตาม คดีนี้สืบเนื่องจากมีประชาชนมาร้องเรียนว่ามีชาวต่างชาติมาประกอบธุรกิจ และกว้านซื้อที่ดินในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ จากตรวจสอบพบว่าตั้งแต่ปี 2562 ถึงเดือนมีนาคม 2567 มีชาวรัสเซียเดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตสูงถึง 92,764 คน คิดเป็น 81% เมื่อเทียบกับชาวรัสเซียที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดอื่นๆ แค่เพียง 3 เดือนแรกของปี 2567 ก็มียอดชาวรัสเซียเข้ามาในภูเก็ตถึง 59,717 คน และช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ชาวรัสเซียจดทะเบียนบริษัทเพิ่มสูงขึ้นถึง 1,603 บริษัท สูงกว่าปีอื่นๆ ที่ผ่านมากว่า 50 เท่าตัว
ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า มีชาวรัสเซีย ชื่อ นางยาน่า อายุ 45 ปี ซึ่งเข้ามาในไทยพร้อมครอบครัวเมื่อปี 2555 มีชื่อเป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นร่วมกับคนไทยในจังหวัดภูเก็ตหลายบริษัท เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 7 บริษัท, ธุรกิจบริการ 1 บริษัท, และธุรกิจนำเที่ยว 1 บริษัท รวมทุนจดทะเบียน 38 ล้านบาท และยังพบว่าถือครองอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมและอะพาร์ตเมนต์หรูในภูเก็ตรวม 3 โครงการ 176 ห้อง มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท
อีกทั้ง เมื่อมีการขยายผล พบว่า มี น.ส.ตรีทิพ ซึ่งเป็นคนไทย เข้ามาถือหุ้นร่วมกับนางยาน่า และนางสาวตรีทิพยังมีชื่อเป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นบริษัทอื่นๆ อีก 272 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทที่คนไทยถือหุ้นล้วน 142 บริษัท และบริษัทที่มีชาวต่างชาติถือหุ้นร่วม 130 บริษัท ทั้งธุรกิจค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว และอื่นๆ รวมมูลค่าหุ้นกว่า 268 ล้านบาท ซึ่งผิดปกติ ตำรวจจึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้นสำนักงานบัญชีของนางสาวตรีทิพและบริษัทที่เกี่ยวข้อง จนพบว่านางสาวตรีทิพจะใช้ชื่อของตนเอง เครือญาติ และลูกจ้างของตนเองเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติในสัดส่วนของคนไทยเพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย ลักษณะเป็นนอมินี ไม่ได้มีการจ่ายเงินค่าหุ้นจริง และได้รับผลตอบแทนจากการนำชื่อไปใส่เป็นกรรมการ 3,000 ต่อปีต่อบริษัท และนางสาวตรีทิพจะได้ส่วนแบ่งจดทะเบียนบริษัท 30,000 – 50,000 บาทต่อบริษัท และหากเป็นนอมินีในการซื้อขายที่ดิน ก็จะได้ส่วนแบ่ง 3%
ส่วนบริษัทที่คนไทยถือหุ้นล้วน ก็ไม่ได้มีการประกอบธุรกิจจริงๆ แต่เปิดไว้เพื่อใช้ในการขอวีซ่าธุรกิจ, ใบอนุญาตทำงาน และใช้ในการยื่นขอเปิดบัญชีธนาคารให้ชาวต่างชาติ 5 คน และถูกนำไปใช้ในการหลอกลวงคนไทยให้ร่วมลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์และ Romance scam ซึ่งได้มีการแจ้งความไว้แล้ว
นอกจากนี้ พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า หลังจากนี้ตำรวจจะขยายผลเพื่อตรวจสอบชาวต่างชาติที่ประกอบธุรกิจ และกว้านซื้อที่ดินอย่างผิดปกติในจังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย