’ช่างเบิร์ด‘ พร้อมกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างอาคาร สตง. ร้อง ‘ทวี’ ช่วยเจรจาค่าจ้างค้างจ่าย

วันนี้ (30 เม.ย. 68) เวลา 09.50 น. ที่กระทรวงยุติธรรม นายฐิติพงษ์ โพธิพรหม หรือ ‘ช่างเบิร์ด’ หัวหน้าทีมวางระบบไฟฟ้า พร้อมตัวแทนผู้รับเหมาช่วงโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ประมาณ 23 ราย ได้รวมตัวเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความช่วยเหลือในการติดตามค่าจ้างที่ยังไม่ได้รับจาก บริษัท 9PK ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักรายหนึ่ง โดยมี นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้รับเรื่องแทน
นายฐิติพงษ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้รับเหมาช่วงได้เข้าเจรจาและยื่นเอกสารกับทาง บริษัท 9PK และบริษัทจีนซึ่งเป็นผู้ร่วมค้า โดยได้รับการนัดหมายว่าจะแจ้งความคืบหน้าภายใน 3-4 วัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมา เมื่อโทรศัพท์ติดตามไปยังบริษัทจีน ก็ได้รับคำชี้แจงว่า บริษัท 9PK ได้ขอเลื่อนนัดพูดคุย ซึ่งเป็นการหารือร่วมกันระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ฯ, บริษัทจีน และ บริษัท 9PK ออกไปเป็นวันศุกร์ที่จะถึงนี้ นายฐิติพงษ์จึงมองว่าอาจเป็นการซื้อเวลา และรู้สึกเหนื่อยล้ากับการติดตามทวงถามที่ดำเนินมาข้ามปี
หัวหน้าทีมวางระบบไฟฟ้า กล่าวอีกว่า เมื่อได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง บริษัท 9PK โดยตรง ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ทราบเรื่อง ทำให้ไม่เกิดความชัดเจนว่าจะได้รับการชำระเงินหรือไม่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้รับเหมาคาดหวังว่าจะมีการตกลงและจ่ายเงินในไม่ช้า จึงได้ปรึกษาทนายความและตัดสินใจมาร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรมในวันนี้ โดยเอกสารที่นำมายื่นประกอบด้วยหนังสือร้องขอความช่วยเหลือและสำเนาสัญญาที่ บริษัท 9PK รับสภาพหนี้ไว้
มีรายงานว่า นอกจากผู้รับเหมาช่วง 23 รายที่มาร่วมลงนามในวันนี้ ยังมีผู้รับเหมาที่ได้รับความเดือดร้อนอีกกว่า 7-8 ราย ที่ทาง บริษัท 9PK ปฏิเสธจะจ่ายค่าจ้าง มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท โดยอ้างว่าผลงานไม่เรียบร้อย ซึ่งนายฐิติพงษ์ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการยากที่จะหาหลักฐานมายืนยันคุณภาพงานเนื่องจากอาคารได้พังถล่มไปแล้ว ประกอบกับผู้รับเหมาช่วงหลายรายทำงานโดยอาศัยสัญญาปากเปล่า เพราะเชื่อมั่นในโครงการของรัฐ สำหรับผู้รับเหมาช่วงประมาณ 20 กว่ารายที่ยังไม่ได้รับค่าจ้าง (ไม่รวมกลุ่มที่ถูกปฏิเสธจ่าย) มียอดค้างชำระรวมประมาณ 10 กว่าล้านบาท
นายฐิติพงษ์ ยังกล่าวถึงความยากลำบากในการติดตามค่าจ้าง เนื่องจากเอกสารหลักฐานการทำงานส่วนใหญ่อยู่กับ บริษัท 9PK ซึ่งขณะนี้ถูกอายัดโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และยอมรับถึงความเหนื่อยล้าจากการรอคอยนานนับปี ในฐานะคนหาเช้ากินค่ำ ต้องดูแลลูกน้อง หากไม่มีเงินก็จำเป็นต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวไปจำนำเพื่อนำเงินมาจ่ายค่าแรง ทำให้ขณะนี้ประสบปัญหาไม่มีเงินเพียงพอสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงต้องมาร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐ
“ตอนแรกคุยกับทางบริษัทจีน แจ้งว่าจะตัดจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงโดยตรง แต่ภายหลังก็แจ้งว่าต้องให้ 9PK เป็นผู้จ่ายเหมือนเดิม เป็นลักษณะโยนความรับผิดชอบกันไปมา ไม่รู้จะไปจบที่ใคร” นายฐิติพงษ์ กล่าวถึงความสับสนในการประสานงาน
ด้าน นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ กล่าวภายหลังรับเรื่องว่า จะนำข้อมูลและเอกสารทั้งหมดเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพื่อพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป เบื้องต้นได้แนะนำกระบวนการไกล่เกลี่ยของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งสามารถเชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาเจรจาหาข้อยุติ เพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการทางศาล