CRIME

’รอง ผบช.ก.‘ เชื่อ มีตัวการใหญ่ อยู่เบื้องหลังขบวนการรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว

’รอง ผบช.ก.‘ เชื่อ มีตัวการใหญ่ อยู่เบื้องหลังขบวนการรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดผู้ร่วมขบวนการเพิ่ม ยัน ยังไม่ได้รับแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง

วันนี้ (29 ม.ค. 67) เวลา 10:20 น. ที่ศูนย์ปราบปรามทุจริต กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามคดีขบวนการข่มขู่เรียกเงินจาก นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ระบุว่า วันนี้มีการประชุมนัดแรกหลังจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งประเด็นที่เราประชุมสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ก็มีความคืบหน้าไปเยอะ และจากคำให้การของอธิบดีกรมการข้าว ก็มีประโยชน์อย่างมากต่อรูปคดี

ส่วนหลักฐานทั้งหมดที่รวบรวมมา เรามั่นใจในพยานหลักฐานที่ได้มา เพราะเป็นพยานหลักฐานตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เช่น คลิปวิดีโอ ซึ่งเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้น แต่ยังมีอีกหลายส่วน ที่มีเป็นขั้นเป็นตอน โดยเราได้ทำงานกับผู้เสียหายตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาพบ และให้ข้อแนะนำกับผู้เสียหายในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนวันนี้ขาดเหลืออะไรทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการต่อ ซึ่งวันนี้เรายังพบว่ามีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกหลายคน

สำหรับผู้ร่วมขบวนการจากการสืบสวนในตอนนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ยังมีอีกหนึ่งคนในขบวนการ ที่เป็นคนให้ข้อมูลกับตัวการใหญ่ของเรา ในการที่จะไปร้องในที่ต่างๆ และเป็นขบวนการ ทั้งคนร้อง คนเคลียร์ คนรับ ทำเป็นขั้นเป็นตอน หากเคลียร์ไม่จบก็จะเริ่มไปร้องต่อคณะกรรมการต่างๆ หรือโพสต์ และออกสื่อทีวี

ผู้สื่อข่าวถามถึงคนที่พาไปภรรยาอธิบดีกรมการข้าวไปคุยกับ นาย ศ. ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า เดี๋ยวจะเรียกบุคคลดังกล่าวเข้ามาสอบปากคำ ส่วนจะเป็นคนชี้เป้าหรือไม่ จากการพูดคุยกับผู้เสียหาย ไม่น่าจะใช่คนชี้เป้า ซึ่งคณะทำงานเราก็ยังไปไม่ถึงคนดังกล่าว เพราะยังมีคนอื่นอยู่ที่น่าสนใจ

ส่วนจะมีคนที่เป็นตัวการใหญ่กว่าสามคนนี้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า แรกๆ ตนยังไม่คิด แต่ตอนนี้ขอดูหลักฐานก่อน เพราะเรื่องมันกำลังเดินไปเรื่อยๆ ยังไม่อยากเปิดเผยอะไรมาก ส่วนจะเป็นข้าราชการหรือพลเรือนนั้น เป็นเรื่องแนวทางการสืบสวน ไม่สามารถระบุได้

ขณะที่การตรวจสอบกล้องวงจรปิด และโทรศัพท์มือถือของนายศรีสุวรรณนั้น ตอนนี้เราให้ชุดทำงานเร่งทุกขั้นตอนอยู่ เพื่อที่จะเร่งคืนให้กับผู้เสียหาย

ผู้สื่อข่าวถามถึงการดำเนินคดีฐานฟอกเงินกับผู้ต้องหาหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ขอดูก่อนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีความเชื่อมโยงหรือไม่ เช่นบัญชีม้า ที่มาเกี่ยวข้อง ก็จะต้องไปพูดคุยกับอีกหลายคน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า จากการทำงานร่วมกันหลายหน่วย มองว่า กลุ่มคนพวกนี้มีพฤติการณ์รีดทรัพย์จากหน่วยงานเอกชนหรือข้าราชการ ที่เขามองว่าสามารถทำได้ ที่มีการทำงานแบบปลาเล็กปลาใหญ่

ส่วนผู้เสียหาย ตอนนี้มีการติดต่อเข้ามาเพิ่ม หากใครตกเป็นผู้เสียหายก็ขอใหัติดต่อเข้ามา เรากำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน หากเราเปิดเรื่องอื่นได้เราก็จะเปิด เพราะคนพวกนี้เป็นภัยต่อสังคม เราจะปล่อยให้เป็นเหลือบร้าย ที่คอยดูดเลือกสังคม ทำให้เกิดความวุ่นวาย เสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียงหน้าที่ราชการ เพราะคนพวกนี้หาจุดอ่อนของผู้ใหญ่ และมีชื่อเสียง ก็จะไปเริ่มเรื่องเป็นขบวนการ ส่วนกรณีของอธิบดีกรมฝนหลวงนั้น ขอให้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก่อน

สำหรับบัญชีของคนที่รับโอนเงินนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า จะมีการตามตัว ซึ่งเราทำทุกอย่างไปพร้อมกัน โดย ผบช.ก. ได้สั่งการให้ประสานงานกับทุกหน่วยทำให้คดีนี้เกิดความชัดเจนทุกภาคส่วน

ทั้งนี้ ยืนยันว่าชุดพนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองมาแต่อย่างใด และยังไม่มีใครติดต่อมา หากมีก็รับมาตรา 157 ไปก่อน
ส่วนกรณีที่ในคลิปเสียงสนทนามีการกล่าวอ้างถึงบุคคลอื่นในขบวนการ เช่น นักข่าว หรือตำรวจก็อาจต้องเรียกมาชี้แจง แต่ผู้ต้องหาก็สามารถการกล่าวอ้าง หรือมีสิทธิ์พูดอย่างไรก็ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับฟัง แต่จะดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ย้ำว่า พฤติการณ์ของบุคคลเหล่านี้ว่ามีการกระทำกันจนย่ามใจ ไม่รู้ว่าขอบเขตของกฎหมายเป็นอย่างไร และบางคนมีทรัพย์สินร่ำรวยมีบ้าน 10 หลัง มีที่นาเป็น 100 ไร่ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องตรวจสอบต่อไป

Related Posts

Send this to a friend