CRIME

‘หมอสอง’ เล่าประสบการณ์เสี่ยงตายช่วงถูกลักพาตัว ชี้ไว้ใจทัวร์มากไป ไม่ได้หาข้อมูลเพียงพอ

วันนี้ (27 ต.ค. 65) นายแพทย์ นพรัตน์ รัตนวราห หรือ ‘หมอสอง’ เจ้าของเพจ “หมอสองท่องโลก” พร้อมครอบครัว แถลงต่อสื่อมวลชน หลังจากถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่นาน 25 วัน ช่วงเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศบูร์กินาฟาโซ และประเทศมาลี

น.พ.นพรัตน์ กล่าวว่า มีแพชชั่นอีกอย่างหนึ่งของตนเอง คือการท่องเที่ยวรอบโลก โดยตอนนี้ไปมาแล้ว 190 ประเทศ เหลืออีกไม่ถึง 10 ประเทศเท่านั้น สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวฃแต่ละครั้งจะไปกับบริษัททัวร์ถูกต้องตามกฎหมาย และใช้บริการกับบริษัทดังกล่าวมานานมาก ซึ่งตนกำชับทัวร์ตลอดว่าขอไปเท่าที่ไปได้ อะไรอันตรายไม่ขอเสี่ยง ไปเฉพาะจุดที่ปลอดภัยเท่านั้น ซึ่งไว้ใจทัวร์มากจึงไม่ค้นหาข้อมูลก่อนว่าประเทศที่จะไปเป็นอย่างไรบ้างยอมรับว่าเป็นผิดส่วนหนึ่ง

โดยวันเกิดเหตุระหว่างที่กำลังหลับอยู่บนรถ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จึงถามไกด์ว่ามีอะไร ไกด์ตอบว่ารถถูกยิงจากนั้นถูกปืนจ่อ และบังคับให้ลงจากรถ มีการนำผ้ามาปิดตา นำมือไพล่หลัง ขับพาไปที่ไหนไม่รู้ เปิดตามาอีกทีพบว่าอยู่ในป่าแล้ว ก่อนจะพาไปนั่งใต้ต้นไม้ พร้อมถามว่าเป็นใคร ใช่คนที่ตามหาหรือไม่ จึงบอกว่าเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดา ซึ่งอีกฝ่ายจะบอกตลอดว่าไม่ต้องกลัว ไม่ทำอันตราย จึงคิดว่าอาจจะได้กลับออกไปในวันรุ่งขึ้น

จากนั้นมีการอ้างว่าจะพาไปเจอหัวหน้า โดยให้นั่งรถจักรยานยนต์นาน 8 ชั่วโมง กว่าจะถึงจุดที่ถูกกักขังไว้ ในตอนแรกพยายามหนี และหนีออกมาได้ประมาณ 8 กิโลเมตร จนเจอคนจึงถามว่าถนนใหญ่ไปทางไหน แต่ปรากฏว่าเขาเป็นกลุ่มเดียวกัน จึงถูกจับกลับไปอีกรอบ และถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน – ใส่กุญแจมือ

ทั้งนี้ คนที่จับตัวมาจะย้ำตลอดว่าไม่ต้องกังวล ไม่ทำร้าย แค่รอหัวหน้ามาปล่อย โดยไม่ได้มีการข่มขู่ ดูแลปกติ บางครั้งซักผ้าให้ด้วย มีการดูแลว่าอยากได้อะไร และเตรียมให้ แต่ตนก็ยังร้อนใจ และทุกข์ทรมานมาก เพราะไม่รู้เขาจะทำอะไรบ้าง

หลังจากถูกขังนานเกือบ 3 สัปดาห์ หัวหน้าแก๊งจึงจะเริ่มมาหา และมีการเจรจาต่อรองแลกเปลี่ยนเงินกับอิสรภาพ กระทั่งเจรจาได้สำเร็จ ระหว่างนั้นตนเองทำตัวให้มีปัญหาน้อยที่สุด การเจรจาต่อรอง ใช้ภาษาอังกฤษคุยกับไกด์ เพื่อให้ไกด์แปลเป็นภาษาฝรั่งเศส และส่งต่อให้คนขับรถแปลภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาถิ่น โดยการคุยแต่ละประโยคลำบากมาก บางครั้งต้องแปลถึง 6 ภาษา ซึ่งการเจรจาต่อรอง ได้ต่อรองว่าเป็นหมอธรรมดา ไม่ใช่นักธุรกิจ รายได้มีแค่นี้ และเป็นแค่คนไทย ไม่ใช่ศัตรู รวมทั้งมีโรคประจำตัวที่อันตรายมาก จึงเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้ออกมาได้

หมอสองเล่าว่า ในวันที่ถูกปล่อยตัว เขาพาขี่จักรยานยนต์พาออกไป จนเจอถนนลูกรังเล็กๆ ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. จากนั้นให้รอในรถยนต์จนใกล้เช้าถึงจะออกไปได้ ต่อมาประมาณ 04.00 น. คนร้ายบอกทางให้ จึงขับออกไปเจอถนนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเจอจุดเช็กพอยท์ของประเทศมาลี และโทรศัพท์ค่อยๆ มีสัญญาณ จึงโทรหาแฟน และครอบครัว

“ไม่ง่ายเลยที่รอดออกมาได้ เพราะบางคนถูกขังนานหลายปี ถือเป็นความโชคดี ในความโชคร้ายที่ออกมาแล้วปลอดภัย ตอนนั้นยอมแลกทุกอย่างเพื่ออิสรภาพ”

ด้าน นางสนิมพร รัตนวราห (แม่) ของหมอสอง เปิดเผยว่า ความรู้สึกช่วงแรกที่ติดต่อลูกไม่ได้นั้น กินไม่ได้ นอนไม่หลับ แต่พอรู้ว่าลูกไม่เป็นอะไรก็สบายใจ

น.พ.นพรัตน์ กล่าวอีกว่า ขณะถูกกักขังมีถุงยังชีพคู่ใจด้วย ซึ่งบรรจุยาดม 2 กระปุก ไว้ดมเพื่อผ่อนคลาย กระจก 2 บาน ไว้ส่องให้กำลังใจตัวเองว่าต้องรอดออกไป ส้อมจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไว้สำหรับกินข้าว ปลอกแขน สำหรับสวมกันยุงกัด และกระดาษวาดรูปคลายเครียด หลังจากนี้จะเอาถุงยังชีพไปเก็บไว้ในตู้ เพราะถือเป็นของที่ระลึกจากประเทศมาลี

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าหลังจากนี้จะเลิกเที่ยวประเทศแปลกๆ หรือไม่ น.พ.นพรัตน์ กล่าวว่า ตอนนี้คงพักก่อน แต่อาจจะไปต่อเพราะเป็นแพชชั่น จากนี้คงต้องระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม และยังตั้งเป้าอยากเก็บให้ครบทุกประเทศ ตอนนี้เหลือทวีปอเมริกาใต้อีก 7 ประเทศ และเกาหลีเหนือ

ส่วนเรื่องบริษัททัวร์ตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไร ช่วงที่ถูกจับตัวมีการลงพื้นที่ไปยังประเทศมาลี และช่วยประสานงาน ส่วนการช่วยเหลือหลังจากนั้นมีแต่บอกว่าจะขอเข้ามาคุยภายหลัง โดยตอนนี้ยังไม่คิดเรียกค่าเสียหายจากบริษัททัวร์ ทั้งนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นนับว่าประเมินเป็นมูลค่าไม่ได้

Related Posts

Send this to a friend