CRIME

ศาลอนุญาตให้มารดา ‘บิลลี่’ เป็นโจทก์ร่วม ในคดีกล่าวหา ชัยวัฒน์และพวกร่วม ฆาตกรรม

ศาลฯอนุญาตให้มารดา ‘บิลลี่’ เป็นโจทก์ร่วม ในคดีกล่าวหานายชัยวัฒน์และพวกร่วม ฆาตกรรม-เผาอำพรางศพ นัดไต่สวนพยานรวม 10 นัด ตีกรอบไต่สวนใน 5 ประเด็นตามคำฟ้อง

วันนี้ (26 ธ.ค. 65) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดคู่ความในคดีเพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานโดยศาล ในคดีหมายเลขดำที่ อท.166/2565 กรณีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร พร้อมพวกรวม 4 คน เป็นจำเลยในข้อหาต่างๆ เกี่ยวกับการฆาตกรรมนายพอละจี (บิลลี่) รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ซึ่งสูญหายไปหลังจากถูกนายชัยวัฒน์และพวกจับตัวไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 ที่ด่านมะเร็ว ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ “นางโพเราะจี รักจงเจริญ” มารดาของนายพอละจี (บิลลี่) รักจงเจริญ ผู้เสียชีวิต ไว้เป็นโจทก์ร่วมที่ 3 ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 19 ธันวาคม 2565 โดยจำเลยแถลงไม่คัดค้าน ทั้งนี้ศาลได้อนุญาตให้ทนายโจทก์ร่วมที่ 3 จัดหาล่ามแปลกะเหรี่ยง-ไทย ให้นางโพเราะจีใช้สื่อสาร โดยทนายจำเลยจะจัดหาล่ามมาร่วมรับฟังการพิจารณาคดีด้วยเพื่อรักษาผลประโยชน์ของจำเลย

หลังศาลตรวจคำฟ้อง คำให้การของจำเลยทั้งสี่ คำร้องโต้แย้งพยานหลักฐานและคำร้องแสดงเหตุผลความจำเป็นในการอ้างพยานหลักฐานของคู่ความแล้ว เห็นสมควรไต่สวนในประเด็นดังนี้

1.จำเลยที่ 1 ถึง 3 ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่ ไม่นำตัวนายพอละจีหรือบิลลี่ พร้อมทรัพย์ของกลางส่งให้เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ ดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยจำเลยที่ 4 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ข้างต้น อันเป็น ความผิดตามฟ้องข้อ 2.1 หรือไม่

1.จำเลยทั้งสี่ร่วมกันข่มขืนใจ หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังนายพอละจีหรือบิลลี่ ให้จำยอม โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน ทำให้ปราศจากเสรีภาพ ในร่างกายโดยมีอาวุธ เป็นเหตุให้นายพอละจีหรือบิลลี่ผู้ถูกเหนี่ยวกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพนั้น ถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตามฟ้องข้อ 2.2 หรือไม่

3.จำเลยทั้งสี่ร่วมกันฆ่านายพอละจีหรือบิลลี่ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน หรือเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ อันเป็นความผิดตามฟ้องข้อ 2.3 หรือไม่

4.จำเลยทั้งสี่ร่วมกันเผาทำลายศพนายพอละจีหรือบิลลี่ และร่วมกันเก็บชิ้นส่วนศพ ที่เหลือจากการเผา เศษเถ้าถ่านและเศษสิ่งของอื่น ๆ ที่เหลือบรรจุใส่ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร นำไปทิ้งลงใต้น้ำ บริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน เพื่อทำลายหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของตนโดยทุจริตเพื่ออำพรางคดีแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป อันเป็นความผิดตามฟ้องข้อ 2.4 หรือไม่

5.พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสี่โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

โดยในช่วงบ่ายวันนี้ ศาลฯ จะทำการนัดวันไต่สวนพยานโจทก์และจำเลย รวมจำนวน 10 นัด แบ่งเป็นการไต่สวนพยานโจทก์ 7 นัด จำนวน 23 ปาก และไต่สวนพยานจำเลย 3 นัด จำนวน 9 ปาก ไว้ก่อน แต่หากมีคำร้องขอไต่สวนเพิ่มเติมศาลจะรับไว้พิจารณาตามคำร้องต่อไป

Related Posts

Send this to a friend