CRIME

รวบเครือข่าย “หลอกขายถุงมือทางการแพทย์” พบความเสียหายกว่า 80 ล้านบาท

วันนี้ (26 ม.ค. 65) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางร่วมกันจับกุม เครือข่ายผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและปลอมเอกสาร หลอกขายถุงมือทางการแพทย์ไปยังต่างประเทศ จำนวน 2 ราย คือ

1)น.ส.ปัณณภัสร์ หรือเอริ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม , ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

2)น.ส.สาวิกา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม , ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

สำหรับคดีนี้ เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 ผู้เสียหายซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งในไต้หวัน ต้องการซื้อถุงมือทางการแพทย์จากประเทศไทย เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในประเทศต่างๆ จึงได้ติดต่อเจรจาซื้อขายกับ บริษัท แอดวานซ์ นาโน โค้ทติ๊ง จำกัด ที่มี น.ส.ปัณณภัสร์ และ น.ส.สาวิกา ผู้ต้องหา เป็นกรรมการ โดย น.ส.ปัณณภัสร์ ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่า ตนได้รับโควต้าจำหน่ายถุงมือทางการแพทย์จากบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือทางการแพทย์รายใหญ่ของประเทศไทย มีการปลอมเอกสารการได้รับโควต้าและเป็นการเป็นตัวแทนจำหน่ายมาดังกล่าวขึ้น เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ตกลงซื้อถุงมือทางการแพทย์จากผู้ต้องหา จำนวน 1,000,000 กล่อง โดยผู้เสียหายได้ทยอยโอนเงินให้ผู้ต้องหาจำนวน 9 ครั้ง รวมเป็นเงิน 2,789,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ จำนวน 86,084,008 บาท ซึ่งผู้ต้องหาตกลงว่าจะทยอยส่งสินค้าให้

ครั้งแรก ผู้ต้องหาได้ส่งถุงมือทางการแพทย์ไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อสินค้าถึงปลายทางพบว่า เป็นถุงมือที่ใช้งานแล้ว ต่อมาครั้งที่ 2 ผู้ต้องหาได้จัดส่งถุงมือทางการแพทย์ไปที่ประเทศสวิตเชอร์แลนด์ เมื่อสินค้าถึงปลายทางพบว่า เป็นกล่องถุงมือซึ่งภายในบรรจุก้อนอิฐอยู่ ผู้เสียหายจึงได้พยายามติดต่อทวงถามไปยังผู้ต้องหา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายจึงได้ประสานงานระหว่างประเทศเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ.ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในคดีนี้

พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับ น.ส.ปัณณภัสร์ และ น.ส.สาวิกา ผู้ต้องหา ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม,ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

ต่อมาในวันที่ 25 มกราคม 65 เจ้าหน้าตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ทำการสืบสวนจนทราบที่พักของผู้ต้องหาทั้งสอง จึงได้ระดมกำลังทำการปิดล้อมตรวจค้นสถนที่ต่างๆ จำนวน 5 จุด จนสามารถจับกุมตัว น.ส.ปัณณภัสร์ ได้ที่บ้านย่านทองหล่อ ถ.สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. และ จับกุมตัว น.ส.สาวิกา ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านบางบอน แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กทม. พร้อมทั้งตรวจยึดพยานหลักฐานต่างๆในคดีไว้ โดยจากการสอบถาม ผู้ต้องหาทั้งสองยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดี

Related Posts

Send this to a friend