CRIME

ศาลอาญามีนบุรี เผยรายละเอียด ขั้นตอน และข้อเท็จจริงคดีของ ‘เสก โลโซ’ ในการมีคำสั่งไม่อนุญาตฎีกา

วันนี้ (25 มี.ค. 64) ศาลอาญามีนบุรีนัดฟังคำสั่งในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายเสกสรรค์ หรือ ‘เสกโลโซ’ ศุขพิมาย จำเลย โดยโจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกออโตเมติก ซึ่งมีทะเบียนพร้อมกระสุนปืน และต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยมีหรือใช้อาวุธปืนและเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอาญาให้ลงโทษ แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี จำเลยกลับมากระทำความผิดในคดีนี้อีกและจำเลยเป็นบุคคลเดียวกันกับจำเลยในคดีอาญาของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอให้ลงโทษ บวกโทษ และนับโทษต่อ

จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้ใบอนุญาต ส่วนความผิดอื่นให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับจำเลยที่โจทก์ขอให้บวกโทษ และนับโทษต่อ

ศาลอาญามีนบุรีพิพากษาลงโทษจำเลยโดยจำเลยรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ลดโทษให้กี่งหนึ่ง จำคุก 6 เดือน ฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 6 เดือน ฐานต่อสู้ขัดขว้างเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีและใช้อาวุธปืน จำคุก 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 18 เดือน บวกโทษจำคุกที่รอการไว้ในคดีของศาลอาญาเข้ากับโทษในคดีนี้ เป็นจำคุก 2 ปี 21 เดือน และนับโทษจำคุกของจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานมีอาวุธปีนซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไมได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นจำคุก 1 ปี 15 เดือน บวกโทษจำคุก 1 ปี 3 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาของศาลอาญา เป็นจำคุก 2 ปี 18 เดือน ยกคำขอให้นับโทษต่อ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง แต่คู่ความสามารถฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ หากผู้พิพากษาคนใดซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ เห็นว่า ข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหา สำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด และอนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221

เมื่อจำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษา อนุญาตให้ฎีกา ศาลอาญามีนบุรีดำเนินการส่งสำนวนให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาเพื่อพิจารณาอนุญาตให้จำเลยฎีกาแล้ว ปรากฎว่า

ผู้พิพากษาทั้งหมดพิเคราะห์แล้วเห็นว่าข้อความที่ตัดสินไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด จึงไม่อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลอาญามีนบุรี จึงอ่านคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกาให้จำเลยฟัง และมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย

สำหรับคดีนี้ข้อหามีอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและข้อต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีและใช้อาวุธปืน จึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ส่วนข้อหายาเสพติดให้โทษในประเภท 1 พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 18 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะการกระทำซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้เป็นที่สุด แต่คู่ความอาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องไปพร้อมกับฎีกาต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ฎีกาต่อไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 19 ได้ ซึ่งศาลอาญามีนบุรีได้ดำเนินการส่งคำร้องพร้อมฎีกาให้ศาลฎีกาพิจารณาต่อไป

สำหรับจำเลยศาลอาญามีนบุรีอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างพิจารณา

Related Posts

Send this to a friend