ตำรวจกองปราบแถลงผลการจับกุมนายสมชาย พร้อมลูกชายและพวก คดีจ้างวานฆ่าและฟอกเงิน อายัดทรัพย์กว่า 1,500 ล้านบาท
วันนี้ (25 มี.ค. 64) ที่กองบังคับการปราบปราม แถลงข่าวการจับกุมนายสมชาย หรือ หลงจู๊ชาย ผู้มีอิทธิพลคนดังเมืองระยองกับพวก ในข้อหาจ้างวานฆ่าและความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน
โดย พลตำรวจตรีจิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า คณะทำงานได้จับกุมนายสมชายที่ถือเป็นหัวหน้าโครงข่ายนี้ ทั้งเรื่องเครื่องจักรกลไฟฟ้าและบ่อนการพนันพื้นที่ต่างๆ ซึ่งได้ยึดทรัพย์ไปแล้วทั้งหมด 320 ล้านบาท และอีกคดีคือคดีที่นายสุพรรณ ใหม่งาม และนายถาวร สาระกูล ได้จ้างวานให้นายมนัส อิ่มหนำ และนายนิพนธ์ ปานทอง ยิงนายปทุม เนื่องจาก หลงจู๊ สมชาย ไม่พอใจที่นายปทุมไปถ่ายรูปในบ่อนการพนัน จึงได้วานจ้างมือปืนฆ่านายปทุมจนถึงแก่ความตาย ซึ่งกองปราบปรามได้ขยายผลการจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบความเชื่อมโยงที่นายสมชายจ้างวานฆ่านายปทุม รวมไปถึงการฟอกเงินของโครงข่ายการพนัน จึงออกหมายจับไป 35 หมาย รวมประมาณ 22 คน นำไปสู่การขอหมายคนจากศาลทั้งหมด 20 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ ระยอง , จันทบุรี , ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร และจับผู้ต้องหาได้ 8 คน พร้อมยึดทรัพย์ 880 ล้านบาท และอยู่ระหว่างอายัดดำเนินคดีอีกกว่า 700 ล้าน ที่กำลังทำการยึดทรัพย์และดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน
นอกจากนี้ตำรวจได้นำตัว นายธนาและพวก ไปตรวจสอบอายัดเรือยอร์ชของนายธนา ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าจอดเรือเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี อีกทั้งยังอายัดรถยนต์ไว้ 4 คัน พร้อมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ อีกกว่า 100 รายการ ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ที่ถูกจับกุมในปฏิบัติการครั้งนี้ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
อีกทั้งยังได้ไปตรวจสอบ บริษัท เดอะ แคปปิตอล จำกัด ซึ่งทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และหมู่บ้านจัดสรร ที่มี นายสมชายและนายธนา เป็นกรรมการบริษัท หลังพบว่ามีเงินจากการทำบ่อนการพนันโอนเข้าไปในบัญชีบริษัทดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายสมชายและพวก พบว่าได้นำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดเกี่ยวกับการพนัน ไปดำเนินในกิจการต่างๆ เช่น ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ บิตคอยน์ กองทุนทองคำ เรือยอร์ช เพื่ออำพลางการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เข้าข่ายการกระทำผิดฐานร่วมฟอกเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจะดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดที่ยังคงเหลืออยู่มูลค่า 320 ล้านบาทต่อไป พร้อมคัดค้านการประกันตัว แต่ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของศาลด้วยว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่
