CRIME

รวบ ‘เจ๊ะปา’ หัวหน้าแก๊งค์ค้า ‘โรฮีนจา’ ข้ามชาติ หลังพบหลุมศพ 30 หลุมที่มาเลเซีย

วันนี้ (23 ต.ค. 64) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นางวรรณภา สุขคง ผู้อำนวยการกองต่อต้านการค้ามนุษย์ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงาน NGO แถลงผลจับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามชาติ 2 คดี 

พล.ต.อ.รอย เปิดเผยว่า คดีแรกหลอกลวงคนไทยให้ไปทำงานที่เมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา เน้นไปที่ผู้เสียหายที่พูดได้หลายภาษา เมื่อถึงประเทศปลายทางบังคับ กักขังให้เป็นคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์กลับมาหลอกหลวงคนไทย โดยอ้างว่าผู้เสียหายติดหนี้ค่าเดินทาง ก่อนที่ผู้เสียหายจะขอความช่วยเหลือผ่านสื่อออนไลน์ และประสานทางการไทยให้รับตัวกลับประเทศ

เบื้องต้นขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 10 ราย ได้แก่ ผู้ต้องหาชาวจีน 4 รายผู้ต้องหาชาวกัมพูชา 4 ราย และผู้ต้องหาชาวไทย 2 ราย สามารถจับกุมได้แล้ว 2 รายที่ อ.ฝาง และ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ คือ น.ส.อุบลรัตน์ พุฒิไพรสกุล สัญชาติไทย อายุ 22 ปี และ น.ส.เทียนฟ่ง แซ่หลี่ สัญชาติจีน อายุ 28 ปี ฐานความผิดมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ,ร่วมกันค้ามนุษย์ และร่วมกันหางานให้คนทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต

“ผู้เสียหายมีประมาณ 15-20 ราย ทั้งหมดปลอดภัยแล้ว หลังจากนี้จะเร่งติดตามตัวคนร้ายที่เหลืออีก 8 รายมาดำเนินคดี และจะประสานสำนักงาน ปปง. ยึดทรัพย์สินและตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายนี้ด้วย”

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีที่ 2 จับกุมนายเจ๊ะปา ลาปีดี อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาลักลอบขนแรงงานข้ามชาติ โดยก่อนหน้านี้ทางการมาเลเซียได้ทำการสืบสวนขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศพบว่ามีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง และขอศาลกางาร์ ประเทศมาเลเซีย ออกหมายจับคนไทย 9 รายตั้งแต่ปี 2559 ภายหลังพบว่าทั้งหมดหลบหนีเข้าประเทศไทย จึงร้องขอให้ทางการไทยส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อนำตัวไปดำเนินคดีที่ประเทศมาเลเซีย 

ทั้งนี้นายเจ๊ะปา ถือเป็นหัวหน้าขบวนการที่ลักลอบค้ามนุษย์ตั้งแต่ปี 58 ทำหน้าที่ประสานงานตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง และเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนย้ายแรงงานชาวโรฮีนจา มาไว้ที่พักชั่วคราวในเขตวังเกลียน รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ซึ่งแรงงานถูกกักขัง ทารุณกรรมโดยการเฆี่ยนตีจนเสียชีวิต และพบหลุมศพ 30 หลุม ห่างจากที่พัก 100 เมตร 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยอมรับว่า พฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้มีความคล้ายคลึงกับคดีค้ามนุษย์ของพล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก เมื่อปี 2558 เพราะพื้นที่เกิดเหตุใกล้เคียงกัน แต่ต้องการสืบสวนให้ชัดเจนอีกครั้ง ขณะที่ผู้ร่วมขบวนการอีก 8 ราย จะเร่งตามตัวมาดำเนินคดี ซึ่งหากไม่เข้ามามอบตัวเจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น

Related Posts

Send this to a friend