ตำรวจนำตัวชายขับรถไล่ชนไรเดอร์จนเสียชีวิต ไปฝากขังต่อศาล

ตำรวจนำตัวชายขับรถไล่ชนไรเดอร์จนเสียชีวิต ไปฝากขังต่อศาล ด้านเจ้าตัว นั่งก้มหน้าปิดปากเงียบ ขณะที่ ผบก.น.5 เผย แจ้ง 2 ข้อหา ”ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา – ขับรถโดยประมาท“
วันนี้ (22 ม.ค. 68) เวลา 10:41 น. ที่สถานีตํารวจนครบาลลุมพินี เจ้าหน้าที่นำตัว นายเสรี เศรษฐีนามวงศ์ ผู้ก่อเหตุขับรถยนต์ไล่ชนพนักงานส่งอาหารก่อนร่างจะกระเด็นไปชนกับเสาเหล็กกล้องวงจรปิด จนเป็นเหตุให้พนักงานส่งอาหารเสียชีวิต ที่บริเวณถนนสุขุมวิท ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และขับรถโดยประมาทฯ ไปขออำนาจศาลฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว
เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาออกไปมาขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ และอยากขอโทษอะไรกับญาติผู้ตายหรือไม่ แต่ผู้ก่อเหตุ ไม่ตอบคำถาม เดินก้มหน้า ซึ่งเมื่อขึ้นไปรถห้องขังแล้วนั้น ผู้สื่อข่าวพยามยามสอบถามต่อว่า คู่กรณีได้ยั่วยุก่อนหรือไม่ และอยากพูดอะไรกับครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ แต่ผู้ก่อเหตุนั่งก้มหน้าส่ายหัว และใช้มือขึ้นมาปิดที่ใบหน้า ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำตัวออกไป
ด้าน พล.ต.ต. วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และฝากขังผู้ต้องหาในวันนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพราะมีอัตราโทษสูง และเกรงว่าจะหลบหนี
จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และขอให้การในชั้นศาล และไม่ให้การใด ๆ เลยตลอดการสอบปากคำ โดยมีทนายความของผู้ก่อเหตุอยู่ด้วย ซึ่งจากพฤติการณ์ พบว่า ผู้ต้องหากับผู้เสียชีวิตมีปากเสียงกันมาก่อนบริเวณใกล้แยกอโศก จนมาถึงประมาณสุขุมวิทซอย 10 ผู้เสียชีวิตได้ขับรถมาขวางรถผู้ก่อเหตุ และมีการขับเฉี่ยวชนรถ 1 รอบ และผู้เสียชีวิตทับกระจกไป 1 ครั้ง ก่อนที่ผู้ต้องหาออกมาจากรถ และทำร้ายไปที่ตัวผู้เสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หนีไป และผู้ก่อเหตุขับตามจนเกิดการเฉี่ยวชนอีกครั้ง บริเวณปากซอยสุขุมวิทซอย 8
ทั้งนี้ ไม่แน่ใจว่าผู้เสียชีวิตได้มีการยกมือไหว้หรือไม่ แต่ผู้เสียชีวิตพยายามที่จะออกจากที่เกิดเหตุแล้ว แต่ผู้ก่อเหตุยังคงขับรถติดตามมา และจากการสอบสวน พบอีกว่า ผู้ก่อเหตุ ดูแล้วเป็นคนอารมณ์ร้อนมาก แต่ไม่มีประวัติเกี่ยวการรักษาอาการป่วยใด ๆ และไม่พบสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ในร่างกาย
ส่วนครอบครัวผู้ก่อเหตุ ทราบว่า เมื่อวานนี้ ได้มีการพูดคุยกับภรรยาผู้เสียชีวิต คาดว่าจะมีการพูดคุยเรื่องการรับผิดชอบ ส่วนตัวของผู้ก่อเหตุสำนึกหรือมารับผิดชอบหรือไม่นั้น พล.ต.ต.วิทวัฒน์ กล่าวว่า เขายังนิ่ง ไม่พูดอะไรถึงเรื่องการรับผิดชอบ ส่วนจะไปกราบศพหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ
อย่างไรก็ตาม ในคดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กำชับให้ทำตามกฎหมายให้ถึงที่สุด จึงอยากให้ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตสบายใจได้ และจากการที่ตนเองได้พูดคุยกับภรรยาผู้เสียชีวิตในวันนี้ ก็ได้ให้คำยืนยันชัดเจนว่า เรื่องของคดีความก็เป็นอีกเรื่องนึง ไม่เกี่ยวกับการเยียวยา เพราะจะดำเนินคดีถึงที่สุดอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เป็นกังวลคือ ผู้เสียชีวิตเป็นกำลังหลักของครอบครัว มีลูกทั้งหมด 4 คนอยู่ในวัยเรียน 3 คน และวัยทำงาน 1 คน ซึ่งผู้เสียชีวิจจะต้องหาเลี้ยงครอบครัวทั้งหมด 7 คน ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องเป็นเรื่องที่ครอบครัวต้องแบกรับภาระ ซึ่งเรื่องของความเดือดร้อนของทางครอบครัวหลังจากนี้ ทางตำรวจยินดีเข้าไปให้การช่วยเหลือตลอดเวลา
นอกจากนี้ น.ส.สายใจ ตามบุญ อายุ 39 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจด้วยเช่นกัน เพื่อติดต่อเอกสารขอรับศพโดย น.ส.สายใจ ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า ตาบวม ก่อนบอกว่า “วันนี้เธอจะไปรับศพสามีที่นิติเวช รพ.จุฬาฯ ก่อนนำไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดคลองเตยใน เบื้องต้นได้พูดคุยกับทางตำรวจ ญาติของผู้ก่อเหตุได้บอกผ่านกับทางเจ้าหน้าที่ และรับปากว่า จะรับผิดชอบค่าจัดงานศพให้ ส่วนเรื่องเยียวยายังไม่ได้พูดคุย ซึ่งเห็นว่าเย็นวันนี้ญาติฝั่งเขา จะเข้ามาขอขมาศพสามีแทนนายเสรีด้วย“