‘พล.ต.อสุรเชษฐ์’ ชี้ คดีผู้การฯ ชลบุรี ไม่เกี่ยวศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. คนใหม่
‘พล.ต.อสุรเชษฐ์’ ชี้ ดำเนินคดีผู้การฯ ชลบุรี ไม่เกี่ยวศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. คนใหม่ ซัด ลูกน้อง “ทำชั่วซ้ำซาก” รู้ว่าไปไม่รอดโยงให้นายทะเลาะกัน เผยคืบหน้า ตร.ที่ขับรถให้ ‘บอย’ รับสารภาพทั้งหมด เตรียมขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องเพิ่ม
วันนี้ (21 มิ.ย. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีผู้การชลบุรี และพวก ที่ถูกกล่าวหาอุ้มรีดทรัพย์เว็บพนัน 140 ล้านบาท ระบุว่า ล่าสุดเมื่อวานนี้ (20 มิ.ย. 66) มีการแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจเพิ่ม 4 ข้อหา หลังพบว่าตำรวจรายนี้เป็นผู้ทำรายงานการสืบสวนเท็จ และเป็นบุคคลใกล้ชิดของนายบอยด้วย โดยมักจะไปเป็นคนขับรถให้นายบอย ซึ่งเจ้าตัวให้การรับสารภาพทั้งหมดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล ไปยังตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าเมื่อวานนี้ ยังได้มีการเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ สภ.แสนสุข จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่มีการเข้าตรวจค้นร่วมกัน ของตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กับตำรวจ สอท. ในวันที่ 19 พ.ค. 66 โดยมีการจับกุมตัวผู้ต้องหาเว็บพนันออนไลน์ 2 ราย รวมทั้งยังมีการรีดทรัพย์ 2 แสน ซึ่งการเข้าจับกุมในครั้งนี้ นำไปสู่การสร้างรายงานการสืบสวนเท็จ ซัดทอดไปยังนายเป้ เพื่อจะขออำนาจศาลในการออกหมายจับและหมายค้นกลุ่มของนายเป้ และเข้าไปจับกุมในวันที่ 23 พ.ค. 63 ก่อนจะเกิดเหตุรีดทรัพย์ 140 ล้านบาทขึ้น
เรื่องนี้ตำรวจได้เงินไม่มาก แต่คนนอกได้มหาศาล เป็นความเสียหายที่ใช้คนนอกมาทำงาน มากำกับตำรวจ เพราะตำรวจไม่รู้ว่าเว็บไหนใหญ่ไม่ใหญ่ ใครเป็นเจ้าของ ต้องใช้คนนอก คือ นายบอย มาช่วยกำหนดเป้า และตั้งราคา จากนั้นนายบอยก็สั่งการตำรวจต่อให้เข้าไปข่มขู่ โดยทรัพย์สินของนายบอยมีสูงถึงหลักพันล้านบาท ส่วนของผู้การชลบุรี อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะเส้นทางการเงินของขบวนการนี้ มีมากกว่า 200 บัญชี ที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะได้ข้อมูลครบภายในสัปดาห์หน้าก็จะเห็นข้อมูลเส้นทางการเงินทั้งหมด
สำหรับประเด็นที่เงินส่วนนึงในจำนวน 140 ล้านบาท ถูกโอนไปให้เซียนพระ จากการสอบปากคำเจ้าตัว ได้ให้การที่เป็นประโยชน์มาก และพบว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และการฟอกเงิน รวมถึงพบว่านายบอยซื้อขายพระในราคาสูงถึง 400 ล้านบาท
ส่วนที่กระแสสังคมที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องผู้การฯ ชลบุรี ว่าเป็นเรื่องของภายในองค์กรตำรวจ โดยเฉพาะเก้าอี้ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า การดำเนินคดีกับผู้การชลบุรีไม่ได้เกี่ยวกับรอง ผบ.ตร. คนไหนเลย แต่เกิดจากลูกน้องที่กระทำผิด เมื่อรู้ว่าตัวเองไปไม่รอดแล้ว ก็พยายามทำให้นายทะเลาะกัน บ่ายเบี่ยงโยงไปประเด็นเรื่องแย่งชิง ผบ.ตร. เรียกลูกน้องพวกนี้ว่า “ชั่วซ้ำซาก” เหมือนเล่นฟุตบอลแพ้แล้วโทษรองเท้าโทษสนาม ซึ่งเมื่อชั่วแล้วก็ควรยอมรับความจริงว่าตัวเองชั่วจริง ก็อย่าไปชั่วซ้ำซาก
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องเหล่านี้ ไม่มี รองผบ.ตร. คนไหนไปสั่งให้ลูกน้องทำแบบนี้ ฉะนั้นการบังคับใช้กฎหมาย และการดำเนินการอยู่ที่ผู้ปฏิบัติ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่ควรไปบอกว่าเป็นเรื่องของการแย่งชิง ตำแหน่ง ผบ.ตร. พร้อมยืนยันว่าเรื่องดังกล่าว ไม่ได้เกี่ยวกับ ผบ.ตร. หรือ ผู้ช่วย ผบ.ตร. คนใดทั้งสิ้น และย้ำว่าไม่มีผู้บังคับบัญชาคนไหน ให้ลูกน้องไปทำชั่วๆ แบบนี้
