CRIME

‘ซิน เคอ หยวน’ ส่งทีมทนายแจงปมถูกปิด รง.-เหล็กตึก สตง.

ยัน ไม่ยอมรับผลการตรวจค่าเหล็กจากกระทรวงอุตฯ อ้างผลทดสอบไม่เป็นธรรม จ่ออุทธรณ์ BOI

วันนี้ (21 เม.ย. 68) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ทีมทนายความตัวแทนบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด นำโดย นายปิยะพงศ์ คงมะลวน นายสุรศักดิ์ วีระกุล และนายปัทมากร ภิญโญชัยพลกุล ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีโรงงานผลิตเหล็กที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ถูกสั่งปิดเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2567 จากเหตุแก๊สระเบิดและผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงกรณีที่เหล็กเส้นของบริษัทฯ ถูกเชื่อมโยงกับเหตุการณ์อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม หลังเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา

นายปิยะพงศ์ กล่าวว่า กรณีตึก สตง. ถล่ม และการพาดพิงถึงเหล็กเส้นของบริษัทฯ ได้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงอย่างมาก เนื่องจากข้อมูลที่เผยแพร่สู่สาธารณะชี้นำว่าเหล็กของบริษัทฯ ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ตกเป็นจำเลยของสังคม บริษัทฯ จึงเลือกที่จะยังไม่โต้ตอบทันที แต่เชื่อว่าข้อเท็จจริงจะปรากฏ โดยเห็นว่าสาเหตุหลักของการถล่มน่าจะมาจากปัจจัยอื่น เช่น แบบก่อสร้าง หรือการควบคุมงาน มากกว่าคุณภาพเหล็กเส้น ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่เริ่มให้ข้อมูล จึงเห็นว่าเป็นเวลาเหมาะสมที่จะชี้แจงด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์

ด้านนายสุรศักดิ์ ยืนยันว่า บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ดำเนินกิจการภายใต้มาตรฐาน ISO9000 และปฏิบัติตามกฎหมายไทยอย่างเคร่งครัด ไม่เคยมีประวัติร้องเรียนเรื่องคุณภาพสินค้า

ส่วนประเด็นคุณภาพเหล็กที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) นำไปทดสอบ 2 ครั้ง นายสุรศักดิ์ ชี้แจงว่า ครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2567 พบว่าเหล็กขนาด 25 และ 32 มม. มีค่าโบรอนไม่ผ่านเกณฑ์ และความสูงของบั้งต่ำกว่ามาตรฐาน ต่อมาบริษัทฯ ได้ยื่นอุทธรณ์ขอตรวจซ้ำจากตัวอย่างเดิม แต่ผลยังไม่ผ่านมาตรฐานเช่นเดิม ซึ่งการทดสอบทั้งสองครั้งทำที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งทีมทนายระบุว่าเครื่องมือวัดค่าโบรอนไม่มีขีดความสามารถตามเกณฑ์ มอก. บริษัทฯ จึงขอตรวจพิสูจน์ครั้งที่ 3 ที่สถาบันยานยนต์ซึ่งมีเครื่องมือที่วัดค่าได้ตามเกณฑ์ แต่ สมอ. ยืนยันว่าจะไม่มีการตรวจครั้งที่ 3

ขณะที่นายปัทมากร กล่าวถึงกรณีฝุ่นที่ถูกอายัดไว้ที่โรงงาน จ.ระยอง ว่าเป็น “ฝุ่นดำ” ที่มีสังกะสีปนเปื้อนสูง เกิดจากกระบวนการผลิตปกติ และมีการจัดการตามข้อกำหนด EIA การเคลื่อนย้ายได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานฯ ทุกครั้ง ส่วนปริมาณเกือบ 5 หมื่นตันที่ปรากฏ เป็นความคลาดเคลื่อนในการกรอกข้อมูลในระบบออนไลน์ ซึ่งได้ชี้แจงกับอุตสาหกรรมจังหวัดระยองแล้ว สำหรับข้อมูลปริมาณฝุ่นที่ผลิตแต่ละปี ได้ส่งมอบให้กรมโรงงานฯ และหน่วยงานระดับจังหวัดแล้ว แต่ฝ่ายกฎหมายยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยเพิ่มเติม เนื่องจากเอกสารทั้งหมดถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยึดไปเมื่อกลางเดือนเมษายน

ทีมทนายยังชี้แจงประเด็นอื่นๆ โดยยืนยันว่าเตาหลอมของบริษัทฯ เป็นแบบเทคโนโลยี IF ที่ทันสมัย ไม่ก่อมลพิษ แต่ไม่ทราบแหล่งที่มาของเตาหลอม พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาธุรกิจจีนสีเทาอย่างสิ้นเชิง ยืนยันดำเนินธุรกิจสุจริต โปร่งใส ชำระภาษีนิติบุคคลย้อนหลัง 5 ปี กว่า 800 ล้านบาท ใช้บริการสำนักงานบัญชีที่เป็นที่ยอมรับ และทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาตลอด ส่วนการขายเหล็ก ยืนยันว่าขายผ่านตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น ไม่เคยขายตรงให้โครงการใด และไม่เคยมีปัญหาคุณภาพจนถูกร้องเรียนหรือคืนสินค้า

อย่างไรก็ตาม ทีมกฎหมายยืนยันว่า การแถลงข่าววันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบเหล็กเส้นที่ใช้ก่อสร้างอาคาร สตง. ซึ่ง สมอ. นำไปตรวจสอบเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 โดยระบุว่าทีมทนายถูกว่าจ้างให้มาชี้แจงเฉพาะเรื่องการถูกสั่งปิดโรงงานเมื่อปลายปี 2567 เท่านั้น ทำให้เกิดการถกเถียงกับสื่อมวลชนที่ต้องการทราบผลการตรวจสอบเหล็ก สตง. มากกว่า

นายปิยะพงศ์ ได้กล่าวแย้งถึงการเก็บตัวอย่างเหล็กเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 ว่าไม่เป็นธรรม เพราะเป็นการนำเหล็กที่ผ่านการใช้งานและอยู่ในซากอาคารที่ถล่มไปทดสอบ ซึ่งไม่สามารถสะท้อนคุณภาพ ณ เวลาผลิตได้ และการนำผลทดสอบดังกล่าวมาชี้นำสังคมถือว่าไม่ถูกต้อง

นอกจากนี้ นายสุรศักดิ์ ปฏิเสธข่าวลือการใช้เงิน 300 ล้านบาท วิ่งเต้นเจ้าหน้าที่ พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการสืบสวนหาผู้ปล่อยข่าว และเรียกร้องขอความเป็นธรรมเนื่องจากสาเหตุการถล่มของอาคาร สตง. ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

ส่วนกรณีใบกำกับภาษีปลอม 7,000 ใบ ทีมทนายยอมรับว่ามีกรณีพิพาทกับกรมสรรพากรจริง และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

ทีมทนายเปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมยื่นอุทธรณ์ขอความเป็นธรรม กรณีที่ BOI เพิกถอนสิทธิประโยชน์ แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าผู้บริหารจะลงทุนต่อในประเทศไทยหรือไม่ หลังนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงนามในคำสั่งยกเลิกการอนุญาตใช้เตาหลอมเหล็กแบบ IF

Related Posts

Send this to a friend