ผอ.ศูนย์ AOC – ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย แจงความต่าง ‘ระงับ-อายัด’ บัญชี ชี้ ระงับได้เพียงยอดวงเงินที่โอนเข้า 7 วัน
ยืนยันโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองไม่ถูกอายัด ตั้งข้อสังเกต คนที่โทรแจ้งช่วง 4 วันมีถึง 62% ไม่แจ้งข้อมูลใดๆ เพื่อดำเนินการ
ชี้ ‘การระงับบัญชี’ เป็นเพียงการระงับชั่วคราว-เฉพาะเงินบางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมด เผย ‘อายัด’ ต่อเมื่อพบเส้นเงินต้องสงสัย-อยู่ในขั้นตามกฎหมายอาญาแล้ว ยืนยัน โอนเงินเข้าบัญชีตัวเองไม่ถูกอายัด เหตุ ธนาคารตรวจสอบได้-เส้นเงินไม่เกี่ยวมิจฉาชีพ ย้ำ ไล่ระงับเพื่อติดตามเงินกลับคืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด
วันนี้ (19 ก.ย.68) สำนักข่าวออนไลน์ The Reporters ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดเสวนาออนไลน์ เพื่อสร้างเครือข่ายความปลอดภัยดิจิทัล ป้องกันภัยไซเบอร์ ‘บัญชีม้า: ถูกอายัด-กลายเป็นบัญชีม้า ทำอย่างไรต่อดี’ เพื่อสร้างความเข้าใจถึงผลกระทบทางกฎหมายของบัญชีม้า รวมถึงแนะนำแนวทางสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการอายัดบัญชี โดยมี เอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผอ. ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC 1441) และ สุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น
นายเอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์ AOC 1441 และ นายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย ได้อธิบายความแตกต่างระหว่าง “การระงับ” และ “การอายัด” บัญชี โดยระบุว่า การระงับ เป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อป้องกันความเสียหายเบื้องต้น เมื่อผู้เสียหายโทรแจ้งสายด่วน 1441 เจ้าหน้าที่จะประสานงานกับธนาคารเพื่อระงับการทำธุรกรรมเฉพาะยอดเงินที่เกี่ยวข้องเป็นเวลา 72 ชั่วโมง (3 วัน) ไม่ใช่การระงับเงินทั้งหมดในบัญชี
ส่วน การอายัด เป็นมาตรการทางกฎหมายอาญาที่จะเกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนและพบว่าบัญชีดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจริง เช่น เป็นบัญชีม้า ซึ่งเป็นกระบวนการที่แยกต่างหากจากการระงับชั่วคราว
ผู้แทนสมาคมธนาคารไทยยืนยันว่า กรณีการโอนเงินเข้าบัญชีของตนเองนั้นไม่เข้าข่ายที่จะถูกอายัด เนื่องจากธนาคารสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ว่าเป็นธุรกรรมส่วนตัวและไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการมิจฉาชีพ
สำหรับกระบวนการติดตามเงินคืนให้ผู้เสียหายนั้น นายเอกพงษ์ชี้แจงว่า การระงับธุรกรรมชั่วคราวมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นเงินของผู้เสียหายให้อยู่ในระบบธนาคารได้นานที่สุด ก่อนที่สำนักงาน ปปง. จะเข้ามาดำเนินการพิจารณาคืนเงินให้ผู้เสียหายต่อไป ซึ่งกระบวนการมีความซับซ้อนเนื่องจากมิจฉาชีพมักจะโยกย้ายเงินออกจากบัญชีม้าอย่างรวดเร็ว
เอกพงษ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันข้อมูลล่าสุด (19 ก.ย. 68) มีการโทรเข้ามาที่ 1441 กด 2 ทั้งหมด 9,818 สาย มีผู้ที่ไม่ยอมให้ข้อมูลพื้นฐาน (ชื่อ-นามสกุล, เลขบัตรประจำตัว, เลขบัญชี และธนาคาร) 5,783 สาย ขณะที่ 1,708 สาย ไม่สามารถปลดอายัดได้ เพราะติดอายัดอื่น ๆ และมีหมาย ป.วิอาญา ของตำรวจอยู่ ทั้งนี้ มีเพียงกว่า 250 สาย ที่ผ่านเงื่อนไข และเพิกถอนให้ได้จริง จากตัวเลขจึงตั้งข้อสังเกตว่า จากมาตรการที่ร่วมกันทำให้มิจฉาชีพอยู่ยากขึ้นในปัจจุบัน เรากำลังสู้กับกลุ่มคนบางกลุ่มที่เสียผลประโยชน์จากมาตรการส่วนนี้หรือไม่












