บชน.แถลงสามารถพิสูจน์ทราบผู้กระทำผิดได้แล้ว 13 รายที่เหลือ อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าวการชุมนุมของกลุ่มราษฎร กลุ่มเยาวชนปลดแอก และกลุ่มภาคีเครือข่ายแนวร่วมต่างๆ “#ม็อบ18 กรกฎา” ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ว่า
กรณีที่มีการนัดหมายชุมนุมของกลุ่มราษฎร ,กลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free Youth) และกลุ่มภาคีเครือข่ายแนวร่วมต่างๆ “#ม็อบ 18 กรกฎา” ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 โดยนัดรวมตัว เวลา 14.00 น. จัดกิจกรรมปราศรัยทางการเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เดินขบวนไปหน้าทำเนียบรัฐบาล นั้น
บช.น. ยืนยันว่าการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย มีการประกาศแจ้งเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมให้ยุติกิจกรรม เมื่อเวลา 13.00 น. ผกก.สน.สำราญราษฎร์ประกาศที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเมื่อเวลา 13.30 น. ผกก.สน.นางเลิ้ง ประกาศที่บริเวณแยกนางเลิ้ง ซึ่งมีการประกาศแจ้งเตือนอย่างชัดเจนแล้ว แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมยุติกิจกรรมกลับพยายามฝ่าแนวกั้นของรั้วลวดหนาม มีการจุดไฟเผาทรัพย์สิน ขว้างปาสิ่งของใส่กำลัง คฝ. เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง ในการยับยั้งสลายการชุมนุมเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย และเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น
การกระทำของผู้ชุมนุม เป็นการรวมกลุ่มที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ซึ่งรวมกลุ่มมากกว่า 5 คน กระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และกระทบต่อการใช้รถใช้ถนนของประชาชน จะถือเป็นความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 27, ประกาศกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 36 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, พ.ร.บ.โรคต่อต่อฯ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ พ.ร.บ.ความสะอาดฯพ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด (ข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์)
ขณะนี้สามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำผิดแล้ว จำนวน 13 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลเพิ่มเติม และคนที่รู้ตัวแล้วพนักงานสอบสวนจะได้ ออกหมายเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป มีตำรวจ คฝ.ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ 8 ราย และยังรักษาดูอาการที่ รพ.ตำรวจ 6 ราย
ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมที่ยังไม่ยอมกลับหลังจากประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 17.30 น. แล้วทาง สน.ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายต่อไป โดยเฉพาะบุคคลที่ฝ่าฝืนออกนอกเคหสถานในเวลา 21.00 – 04.00 น.
