CRIME

ทนายตั้ม หอบหลักฐาน พร้อมพาอีก 1 ผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มเติม

ทนายตั้ม หอบหลักฐาน พร้อมพาอีก 1 ผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มเติม ผู้เสียหายที่อังกฤษเตรียมเข้ามาเป็นพยาน

วันนี้ (18 เม.ย. 65) เวลา 14:20 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พาอีกหนึ่งผู้เสียหายที่อ้างว่าถูก อดีตรองหัวหน้าพรรคการเมือง ลวงไปข่มขืน และกระทำอนาจารมาแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม

นายษิทรา กล่าวว่า วันนี้นัดผู้เสียหายมาแจ้งความ 6-7 ราย แต่มีบางรายไม่สะดวกเดินมาแล้ว ซึ่งผู้เสียหายที่พามาแจ้งความล่าสุด เป็นผู้อัดคลิปเสียงหลักฐานการพูดคุยกับตัวผู้ถูกกล่าวหา ที่ไม่เคยปฏิเสธว่าได้ก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งเหยื่อรายนี้ เคยถูกข่มขืนเมื่อปี 2563 แต่คาดว่ายังอยู่ในอายุความ เพราะมีการแก้ไขกฎหมายไม่ให้เป็นคดีที่ยอมความได้

ทั้งนี้ ทนายษิทรา กล่าวเสริมว่าในตอนแรก ตัวผู้เสียหายไม่ยอม จะไปแจ้งความตั้งแต่วันเกิดเรื่อง แต่กลัวว่าจะดำเนินคดีไม่ได้ อีกทั้งตัวผู้ถูกกล่าวหา ยังเสนอเงินมาให้เพื่อให้เรื่องจบ 2-3 ครั้ง ก็ได้รับไว้ เนื่องจากโดนข่มขู่ว่าพ่อผู้ก่อเหตุ เป็นผู้มีอิทธิพล แต่ตอนนี้ไม่ได้รับเงินจากผู้ถูกกล่าวหาแล้ว

นายษิทรา กล่าวยืนยันว่า ตนเองไม่กลัวการฟ้องร้องกลับ เพราะผู้เสียหายทุกคนมั่นใจให้ตนมาดำเนินคดี ถ้าตนเองกลัว ผู้เสียหายก็จะเสียขวัญ แต่ยอมรับว่าสับสนเพราะผู้เสียหายมีค่อนข้างเยอะ แต่พฤติการณ์ส่วนใหญ่คือพาผู้เสียหาย ไปคุยที่ร้านอาหารและพาไปขืนใจที่ห้อง แต่มีผู้เสียหายที่ถูกวางยาจะมาแจ้งความด้วย

ส่วนอีกรายถูกกระทำที่ประเทศอังกฤษ จะเข้ามาเป็นพยาน ในกรณีเรื่องตำรวจยศพันตำรวจเอก จะให้เงินปิดปากผู้เสียหายนั้น นายษิทรากล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูล แต่ได้ให้ผู้ใหญ่ตรวจสอบแล้ว หากผู้ถูกกล่าวหา หรือคนสนิทของตัวผู้ถูกกล่าวหา มีความพยายามมาพูดคุย หรือบีบบังคับข่มขู่ผู้เสียหาย ถ้ามีหลักฐาน ตนจะทำเรื่องขอถอนการประกันตัวอย่างแน่นอน

สำหรับเรื่องคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นขบวนการของพรรคก้าวไกลที่จะดิสเครดิตนั้น นายษิทรากล่าวว่า ยืนยันไม่รู้จักกับคนในพรรคก้าวไกล ตนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ถ้าจะกลั่นแกล้งทางการเมือง ตนไปทำคนที่มีโอกาสได้มากกว่า

พร้อมทั้งยืนยันตอนนี้ยังไม่มีใครถอนแจ้งความ แต่ผู้เสียหายบางคนไม่ให้ความร่วมมือต่อ “เมื่อวานนี้เขาควรจะไปที่ศาลเพื่อทำเรื่องค้านการประกันตัวผู้ต้องหาแต่เขาไม่ไป ขอไม่ระบุว่าเป็นใคร แต่ให้ดูว่าใครยังสู้ ใครเงียบไป” นายษิทรากล่าว

“เชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหา ไม่มีประวัติการรักษาอาการทางจิต แต่ตนเชื่อว่าการกระทำของตัวผู้ถูกกล่าวหานั้น เข้าข่ายมีปัญหาทางจิต แต่เชื่อว่าไม่น่านำมาใช้เป็นข้ออ้างในการต่อสู้คดีได้ เพราะตัวผู้ถูกกล่าวหายังไปเป็นวิทยากรในเวทีต่าง ๆ ได้ และยังมีสติสัมปชัญญะ แยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ เขาจะซื้อบริการก็ยังได้ แต่ดูว่ามีรสนิยมชอบคนที่ขัดขืน

ทั้งนี้ ขอชื่นชมตำรวจ สน.ลุมพินี ที่ประสานกับผมตลอด ทั้งการเตรียมพนักงานสอบสวน และจะให้ผู้เสียหายที่มาแจ้งความทั้งหมดรวมเป็นสำนวนคดีเดียว” นายษิทรา กล่าว

Related Posts

Send this to a friend