CRIME

ตำรวจ เร่งปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ วอนประชาชนอย่าหลงเชื่ออาจตกเป็นเหยื่อ

วันนี้ (18 ก.พ. 65) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ ศูนย์ PCT พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ เปิดแถลงผลการขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในห้วงปี 2564-ปัจจุบัน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชน สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนและครบวงจร ตลอดจนสร้างการรับรู้ไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำว่า จำเป็นต้องสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน หรือ Cyber Vaccine ต้องทันต่อรูปแบบของอาชญากรรมที่เปลี่ยนไปด้วย

ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง ทั้งการระดมกวาดล้างจับกุม ตั้งแต่ 1 ม.ค.2564 จนถึงปัจจุบัน 10,818 คดี  ผู้ต้องหา 10,584 คน รวมมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท

การจัดทำโครงการระบบการรับแจ้งความออนไลน์คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ผ่าน www.thaipoliceonline.com ซึ่งเป็นระบบที่เปิดให้ประชาชนกรอกข้อมูลลงในระบบการรับแจ้งความ แล้วจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อกลับไปเพื่อสอบถามสถานีตำรวจที่จะไปแจ้งความและยืนยันการนัดหมายก่อนที่จะเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ยังสถานีตำรวจที่ประชาชนเลือกหรือที่มีอำนาจการสอบสวน

ในขณะเดียวกันจะมีขั้นตอนการอายัดบัญชีคนร้ายในทันที ทั้งนี้ ระบบรองรับให้ประชาชนติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีผ่านระบบออนไลน์ และรองรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการประสานความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาอย่างครบทั้งวงจร อย่างเช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักใช้พื้นที่ในประเทศเพื่อนบ้านเป็นฐานปฏิบัติการ เพื่อให้ยากต่อการติดตามจับกุม

ตำรวจไทยก็ได้เข้าหารือกับผู้แทนฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา ในการประสานความร่วมมือจับกุมแก็งคอลเซ็นเตอร์ที่ฝังตัวอยู่ในประเทศกัมพูชา โดยได้นำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายในกรุงพนมเปญ และเมืองพระสีหนุ รวม 3 จุดหลักๆ จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 23 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท โดยทางฝ่ายกัมพูชาจะส่งผู้ต้องหาทั้งหมดมาดำเนินคดีในประเทศไทยต่อไป และทั้งนี้ จะมีการประสานความร่วมมือกับประเทศกัมพูชาและประเทศเพื่อนบ้านในการกวาดล้างอย่างต่อเนื่องต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ผบ.ตร.ได้แต่งตั้งคณะทำงานเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมี พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาโดยคณะทำงานจะเข้าไปบรรยายให้ความรู้เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียน นักศึกษา ที่เป็นเยาวชน เพื่อช่วยในการขับเคลื่อนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโยลี โดยขอฝากประชาชนอย่าไปหลงเชื่อใครง่ายๆ เมื่อเงินยังอยู่กับเรา คิดก่อนโอน อย่าโอนไว อย่าโอนเงินให้กับคนที่ไม่รู้จัก อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทางสื่อสังคมออนไลน์ ขอให้ตั้งสติ รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด นำข้อมูลมาปรึกษาเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ หรือแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วนของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ที่หมายเลข 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง  

Related Posts

Send this to a friend