CRIME

’เบนซ์ เรซซิ่ง‘ ใช้สิทธิขอรับเงินเยียวยา หลังถูกจำคุกเกินกำหนด

แนะ ’ราชทัณฑ์‘ แยกผู้ต้องขังระหว่างรอการพิจารณา กับนักโทษเด็ดขาด หวังช่วย ”เพิ่มโอกาสต่อการสู้คดี – ลดความแออัดในเรือนจำ“

วันนี้ (18 ม.ค. 67) เวลา 11:30 น. ที่ศูนย์รีบเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง เดินทางเข้าพบ นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอรับค่าเยียวยา ตาม พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544

นายอัครกิตติ์ ระบุว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อใช้สิทธิ์ของตนเอง และอยากให้ช่วยเรื่องเงินเยียวยา แม้เงินตอบแทนอาจจะไม่ได้เยอะมาก แต่ก็อยากใช้สิทธิของตนเอง รวมถึงอยากให้ผู้ต้องขังรายอื่นๆ ที่ไม่รู้เรื่องสิทธิดังกล่าว ได้รับรู้ และมาใช้สิทธิของตัวเอง

นอกจากนี้ ยังขอปรึกษา กรณีแนะนำให้กรมราชทัณฑ์ แยกคุมขังผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการรอพิจารณาคดี กับผู้ต้องขังที่ได้รับโทษตามคำพิพากษาเด็ดขาดแล้ว ซึ่งตนเองในฐานะที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ จากประสบการณ์ที่ได้เจอมา เลยอยากจะเป็นกระบอกเสียง และตัวแทนของผู้ต้องขังหลายๆ คนที่ไม่ได้มีโอกาสได้มาพูดวันนี้ เพราะก้าวแรกที่เข้าไปในเรือนจำ ก็เปรียบเสมือนเป็นนักโทษเด็ดขาดแล้ว ทั้งเรื่องการกิน การนอน เหมือนกัน โดยไม่ได้การแบ่งแยกกัน

อีกทั้ง การต่อสู้คดี และการเตรียมเอกสารหลักฐาน ก็เสียสิทธิ์ไปทั้งหมด รวมถึงสิทธิในการเยี่ยมญาติ และการพบทนายความ จึงอยากให้มีการแยกออกจากกันระหว่าง ผู้ต้องขังที่คดีถึงที่สิ้นสุดแล้วกับผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการรอพิจารณา เพราะการต่อสู้คดีใช้ระยะเวลานานหลายปี ซึ่งท้ายที่สุด หากศาลยกฟ้อง แม้ได้รับการเยียวยาก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่เสียไป ทั้งชื่อเสียง เงินทอง และครอบครัว ตามหลักรัฐธรรมนูญที่ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด

ทั้งนี้ นายอัครกิตติ์ อยากให้กรมราชทัณฑ์ได้นำไปปฏิบัติ และมองว่าไม่จำเป็นต้องสร้างเรือนจำขึ้นมาใหม่ แต่ให้แบ่งพื้นที่แดนขังเพื่อรองรับผู้ต้องขังที่รอการพิจารณา เพื่อช่วยลดการอาศัยที่อยู่ในเรือนจำ เนื่องจากค่อนข้างแออัด หากสามารถแยกผู้ต้องขังออกจากกันได้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์สูงสุดมากกว่า

ด้านนายกองตรี ธนกฤต เปิดเผยว่า จะนำเรื่องที่นายอัครกิตติ์ ขอเงินเยียวยาส่งให้กับกรมคุ้มครองสิทธิ์ และเสรีภาพพิจารณาต่อไป ซึ่งโดยปกติแล้วสามารถยื่นเรื่องได้ภายใน 1 ปี หลังจากมีคำสั่งให้ปล่อยตัว โดยยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่มีจำเลยในคดีมาเรียกร้องขอรับเงินเยียวยา เพราะถูกขังเกินวันของการรับโทษจริง เพราะที่ผ่านมามีแต่เหยื่อที่เป็นแพะมาขอรับเงินเยียวยา ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ คาดว่าจะทราบผลภายใน 1 เดือน ถ้าหากได้รับการอนุมัติ โดยเบื้องต้นนายอัครกิตติ์ จะได้รับเงินเยียวยา 2 ส่วน คือได้จาก กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพวันละ 365 บาทเนื่องจากมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร และได้รับเงินเยียวยาจากกรมราชทัณฑ์วันละ 500 บาท ซึ่งแต่ละพื้นที่จังหวัดจะได้รับเงินไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับภูมิลำเนาของผู้ร้อง

ส่วนกรณีที่อยากให้มีการแยกผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีออกจากผู้ต้องขังตามคำพิพากษา โดยส่วนตัวแล้วเห็นด้วย เพราะยังไม่ถือว่าเป็นนักโทษเด็ดขาด ควรได้รับสิทธิ์ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังเห็นว่าอยากให้มีการแยกผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีในคดีการเมืองออกมาด้วย ซึ่งจะให้ฝ่ายกฎหมายของศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 นำไปพิจารณาเพื่อยื่นต่อกระทรวงยุติธรรมต่อไป

Related Posts

Send this to a friend