CRIME

‘หม่อง ชิตตู่’ แจง ผลประโยชน์ใน “ชเวก๊กโก่” ได้แค่ค่าเช่าที่ ยัน ไม่มีรายได้จากคอลเซ็นเตอร์

วันนี้ (17 ก.พ. 68) ที่ศูนย์บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง BGF เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา The Reporters ได้สัมภาษณ์ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ เลขาธิการกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง หรือ BGF โดยมีสื่อเมียนมา และสื่อไทยบางส่วนด้วย ซึ่งได้กล่าวถึงเส้นทางการได้รับสัมปทานสร้างอาคารในเมียวดี

พล.ต.หม่อง ชิตตู่ กล่าวว่า ขอบคุณสื่อมวลชน ซึ่งรู้สึกดีใจที่สื่อให้เวลากับตนเอง และมีโอกาสได้พูดในสิ่งที่พูด อะไรที่อยากถามให้ชัดเจนก็ถามมาเลย ความจริง และรายละเอียดทั้งหมด ตนเองจะอธิบายให้ฟัง ทั้งประเด็นการหลอกลวงทางหานเงินในพื้นที่ชเวก๊กโก่ เคเคปาร์ค ตนเองขอยืนยันว่าตนเองไม่เกี่ยวข้อง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไรตนเองก็ไม่รู้

พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ระบุว่า ในปี 2018 รัฐบาลกลางมีความสัมพันธ์เชิงธุรกิจ ตนเองถูกเชิญไปร่วมงานที่เนปิดอว์ และอนุญาตให้ทำบ้านจัดสรร โรงแรม โดยได้รับการอนุมัติจากกรรมการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นธุรกิจจริง ๆ ที่ตนเองทำ แต่พวกที่มาเช่าบ้านอยู่ตอนนี้ กลายเป็นกลุ่มที่มาหลอกลวงทางการเงิน มาทำธุรกิจหลอกลวง จนทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจการหลอกลวงทางออนไลน์ และเป็นสิ่งที่ตนเองรับไม่ได้ รวมถึงเรื่องค้ามนุษย์ ก็ยอมรับไม่ได้ มันก็มีกฎหมายของประเทศอยู่ และไม่ใช่แค่กฎหมายชายแดนไทย – เมียนมา แต่เป็นกฎหายที่ทั่วโลกยอมรับไม่ได้ และเรื่องนี้ ส่วนตัวตนเองได้ช่วยเหลือมา 1 – 2 ปีกว่าแล้ว อย่างอินเดีย จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย ตนเองก็ช่วย แต่ไม่ได้ส่งตัวอย่างเป็นทางการผ่านสะพานมิตรภาพไทยเมียนมาเหมือนครั้งก่อน โดยที่ตนเองช่วยเหลือ และส่งตัวไปประมาณ 1 – 2 พันคนแล้ว ตนเองมีบันทึกทุกอย่างไว้ พร้อมย้ำว่า ตนเองรับไม่ได้เรื่องการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารไทยก็รู้ และกรณีที่ดังที่สุดคือดาราจีน โดยศูนย์ประสานงาน BGF ไปช่วยเขามาจากเขตค้ามนุษย์ ช่วยจับทั้งคนลักลอบนำพา และคนที่พาไป แต่เรื่องพวกนี้กลับไม่ปรากฎออกมา โดยทันทีที่ได้ตัว ก็ได้ส่งตัวให้ทางการไทยทันที และทางการไทยก็มีบันทึกทั้งหมด ว่าเป็นใคร อายุเท่าไหร่ ส่งกลับวันไหน มีหลักฐานบันทึกทั้งหมด

พล.ต.หม่อง ชิตตู่ กล่าวอีกว่า ตนเองต้องการชี้แจงนักข่าว กรณีฝ่ายค้านไทยเสนอเรื่องให้ออกหมายจับ และในสิทธิของตนเองก็จะได้ชี้แจง ตนเองมาอยู่ชายแดนตรงนี้ตั้งแต่ปี 1994 และเมื่อมีประเด็นการแยกตัวออกมาประจำการตรงนี้ด้วย ประเทศไทย ประเทศเมียนมา มีแม่น้ำเมยสายเล็ก ๆ ที่กั้นอยู่ และตนเองก็อยู่แบบพี่น้อง พร้อมถามว่า ตนเองทำผิดกฎหมายไทยข้อไหน ทำผิดอะไร ไปละเมิดกฎหมายไทยข้อไหน การที่พรรคฝ่ายค้านไทยขอให้ออกหมายจับตนเอง ทำให้ตนเองรู้สึกไม่สบายใจ

“ผมมองว่าประเด็นนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาทางธุรกิจ แต่เป็นปัญหาทางการเมืองด้วย ต้องยอมรับว่าพื้นที่ตรงนี้มี่รบที่สู้กันมา ผมได้เข้าไปร่วมกับรัฐบาลเมียนมากว่า 30 ปีแล้ว พอเหมือนผมไปร่วมรัฐบาลเมียนมา ทำให้คู่ขัดแย้งของผมก็เข้ามาโจมตีในตอนนี้ เรื่องการค้ามนุษย์ที่กลุ่มต่อต้านทำขึ้นมา มีหลายที่ ทั้งเคเคปาร์ค ชเวก๊กโก่ แต่ตอนนี้มาลงที่ชเวก๊กโก่ที่เดียว“ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ กล่าว

พล.ต.หม่อง ชิตตู่ กล่าวอีกว่า ในปี 2018 คณะกรรมการการลงทุนของเมียนมา (Myanmar Investment Commission: MIC) ได้รับใบอนุญาตปล่อยเช่าที่ดินได้ โดยขั้นตอนแรกได้รับอนุมัติให้เปิดพื้นที่ 60 กว่า ๆ และรอบต่อไปเพิ่มอีก 74 เอเคอร์ และถัดมาเพิ่มอีก 86 เอเคอร์ ซึ่งจะได้ค่าเช่าเอเคอร์ละ 50,000 – 100,000 บาท โดยตั้งแต่เริ่มทำกิจการพวกนี้ เมื่อได้ผลประโยชน์ คงมีคนไม่พอใจ และอิจฉา ปัญหาต่าง ๆ จึงมาลงที่ตนเอง

พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ย้ำว่า ประเด็นเรื่องการหลอกลวงทางออนไลน์ สแกมเมอร์ ส่วนตัวในพื้นที่ชเวก๊กโก่ ตนเองควบคุม และบางเรื่องตนไม่รู้ และไม่เกี่ยวข้อง แต่ที่จริง ๆ คือโครงการก่อสร้างโรงแรม เพราะตนเองเป็นแค่ผู้ให้เช่าที่ดิน ซึ่งปีแรกได้เพียงเดือนละ 4 ล้านบาท และอาจมีประชาชนบางส่วนที่มีความโลภไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ แต่ตนเองขอยืนยันว่า ตนเองไม่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของการชี้แจงรายละเอียดแหล่งที่มารายได้ และธุรกิจในชเวก๊กโก่ของ พล.ต.หม่อง ชิตตู่

Related Posts

Send this to a friend