องค์กรวิชาชีพตำรวจ ยืนยัน จนท.สืบสวนมีอำนาจขอหมายจับจากศาล ไม่ต้องเสนอผู้บังคับบัญชาก่อน
องค์กรวิชาชีพตำรวจ ออกแถลงการณ์ยืนยันเจ้าหน้าที่สืบสวนมีอำนาจขอหมายจับจากศาล โดยไม่ต้องเสนอสำนวนต่อผู้บังคับบัญชาก่อน ให้กำลังใจตำรวจปฏิบัติชอบ
สมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และสมาคมพนักงานสอบสวน เผยแพร่แถลงการณ์แสดงความห่วงใยต่อกรณีการเพิกถอนหมายจับนายอุปกิต ปาจรียางกูร ยืนยันเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนหรือพนักงานสอบสวนมีอำนาจขอศาลออกหมายจับได้ตามพยานหลักฐานที่มีการรวบรวม ไม่มีระเบียบคำสั่งให้เสนอสำนวนต่อผู้บังคับบัญชาก่อน สามารถออกหมายจับได้ก่อนเลขาธิการ ป.ป.ส. อนุมัติให้แจ้งข้อกล่าวหา และการออกหมายจับเป็นอำนาจเฉพาะของศาล การสั่งเพิกถอนต้องมีเหตุผลทางกฎหมาย อ้างเพียงเหตุผิดหลงไม่ได้ พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติชอบ ผดุงความยุติธรรมในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต่อไป โดยมีเนื้อหาตามแถลงการณ์ดังต่อไปนี้
สืบเนื่องจากสื่อมวลชนได้เผยแพร่หนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงถึงกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ของพันตำรวจโทมานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลพญาไท กรณีการร้องขอหมายจับ และการเพิกถอนหมายจับนายอุปกิต ปาจรียางกูร
สมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และสมาคมพนักงานสอบสวน ในฐานะองค์กรวิชาชีพ ของข้าราชการตำรวจ ซึ่งมีจริยธรรมและจรรยาบรรณที่ต้องธำรงรักษาไว้ ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ ดังต่อไปนี้
ประเด็นที่ 1 ในคดีนี้เดิม พันตำรวจโทมานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ในฐานะเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้เคยมาดำเนินการขอหมายจับนายทุน มินหลัด กับพวก รวม 9 คน ซึ่งต่อมาได้มีการจับกุมผู้ต้องหา มาดำเนินคดีแล้ว 5 คน ดังนั้น ตำรวจไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนหรือพนักงานสอบสวน ย่อมมีอำนาจร้องขอให้ศาลออกหมายจับได้ หากเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนหรือสอบสวนคดี ที่ร้องขอออกหมายนั้น และต้องมาให้ผู้พิพากษาสอบถามก่อนออกหมาย ทั้งนี้ ตามข้อ 4 แห่งข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกคำสั่งหรือหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2565
ประเด็นที่ 2 การขอหมายจับของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนในข้อหาสมคบกันกระทําความผิด เกี่ยวกับคดียาเสพติด ปัจจุบันการออกหมายจับจะต้องมีการนำข้อมูลมาลงในระบบ CRIME ของตำรวจ ซึ่งจะทำการเชื่อมข้อมูลไปยังระบบของศาล ทำให้ปัญหาการออกหมายลอยไม่อาจเกิดขึ้นได้
ประเด็นที่ 3 อำนาจการจับของเจ้าพนักงานตำรวจ โดยหลักจะต้องมีคำสั่งศาลหรือหมายจับ เว้นแต่ ในกรณีจําเป็นเร่งด่วนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 78 อาจมีการจับได้โดยไม่ต้องมีคำสั่งศาลหรือหมายจับ ดังนั้นการออกหมายจับจึงมิใช่กรณีจำเป็นเร่งด่วน หากแต่เป็นขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานตามปกติ ของฝ่ายสืบสวนและฝ่ายสอบสวน ทั้งนี้การขอออกหมายจับสามารถทำได้ภายใต้หลักมีพยานหลักฐาน ตามสมควรว่าน่าจะกระทำความผิด และไม่มีระเบียบ คำสั่ง ที่กำหนดให้ต้องเสนอเอกสารสำนวนต่อผู้บังคับบัญชา ระดับ ผกก.-ผบก. ให้พิจารณาก่อนขอหมายจับแต่ประการใด
ประเด็นที่ 4 กฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ กลับหลักการเดิมที่จะต้องขออนุมัติจับกุม ต่อเลขาธิการ ป.ป.ส. ก่อน จึงไปขอศาลออกหมายจับหรือแจ้งข้อหา แต่ปัจจุบันให้ขออนุมัติออกหมายจับ ต่อศาลก่อน ถึงจะไปขออนุมัติแจ้งข้อหาต่อเลขาธิการ ป.ป.ส. ดังนั้น หมายจับที่ศาลออกให้ก่อนจะได้รับอนุมัติ จากเลขาธิการ ป.ป.ส. ให้แจ้งข้อหาย่อมเป็นหมายจับที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ต่อมาจะจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ โดยที่เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังไม่อนุมัติให้แจ้งข้อหาก็ถือว่าเป็นการจับโดยชอบ เพียงแต่ยังไม่สามารถแจ้งข้อหาได้ แจ้งได้เพียงว่าได้ถูกจับตามหมายเท่านั้น
ประเด็นที่ 5 คำสั่ง ตร.ที่ 419/2556 ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 เป็นคำสั่งภายในสํานักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ใช้บังคับกับพนักงานสอบสวนเท่านั้น หาได้ใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไม่
ประเด็นที่ 6 หากศาลใช้ดุลพินิจชอบด้วยกฎหมายแล้วควรต้องปฏิบัติตาม ซึ่งในอดีต เคยมีการยื่นคำร้องขอเพิกถอนหมายจับอดีตอธิบดีดีเอสไอ แต่ศาลยกคำร้องโดยให้เหตุผลว่าเป็นอำนาจเฉพาะของผู้พิพากษา ที่เมื่อสั่งคำร้องโดยชอบแล้วย่อมมิอาจเพิกถอนได้ ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อศาลพิจารณาออกหมายจับ สมาชิกวุฒิสภาไปโดยชอบแล้ว การจะสั่งเพิกถอนในภายหลังจะต้องมีเหตุตามกฎหมาย ข้อบังคับ หรือระเบียบ เป็นหลักในการพิจารณา หาใช่อ้างเพียงเหตุผิดหลง
สมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สมาคมพนักงานสอบสวน ขอเป็นกำลังใจ ให้ข้าราชการตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติชอบ และจะยืนหยัดตามหลักการของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เพื่อให้เกิด ความเป็นธรรมแก่ประชาชนโดยเสมอภาคต่อไป
ลงชื่อ
พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ
พล.ต.อ.ศักดา เตชะเกรียงไกร นายกสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน