จับเรือลักลอบขนน้ำมันเถื่อน คาดเป็นน้ำมัน ในประเทศ ก่อนวนกลับมาขายในประเทศ
จับเรือลักลอบขนน้ำมัน คาดเป็นน้ำมันที่ส่งออกจากในประเทศ ก่อนวนกลับมาจำหน่าย จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่พุ่งสูงขึ้น
พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เจ้าที่จากกรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต นำกำลังเข้าตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมันชื่อ MITA บริเวณปากร่องน้ำเจ้าพระยา หลังฝ่ายสืบสวนกองบังคับการตำรวจน้ำ ได้รับรายงานว่า เรือดังกล่าวลักลอบขนน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลผิดกฎหมาย และมีการจับกุมไปแล้วเมื่อวานนี้
พลตำรวจเอกสุวัฒน์ระบุว่า จากการจับกุมของตำรวจน้ำวานนี้ สามารถจับกุมตัวนายนิมิตร์ เพชรรัตน์กัปตันเรือ พร้อมลูกเหลืออีก 8 คน โดยเรือลำดังกล่าวเป็นเรือบรรทุกน้ำมันที่มีระวางเรือ ความจุ 1.2 ล้านลิตร ภายในพบน้ำมันดีเซล ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบปริมาณ ส่วนการตรวจสอบเอกสารเดินเรือใบอนุญาตใช้เรือ และเอกสารแสดงที่มาของน้ำมันเชื้อเพลิง กัปตันเรือยังไม่สามารถนำมาชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ได้
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากัปตันเรือ ตามความผิด พ.ร.บ.ศุลกากร มาตรา 242 ข้อหาผู้ใดนำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร ต้องระหว่างโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของ ซึ่งได้รวมอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบของนั้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่, ความผิดตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต มาตรา 204 (1) ข้อหามีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่ไม่เสียภาษีเพื่อจำหน่ายหรือจำหน่าย โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5 เท่าถึง 15 เท่า ของภาษีที่ต้องเสียหรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน
การสอบปากคำกับตันเรือ เบื้องต้นให้การเป็นประโยชน์ ทั้งที่มาของน้ำมันและปลายทางแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่จากคำให้การ หลักฐาน และแนวทางการสืบสวน เชื่อว่าน้ำมันทั้งหมดเป็นน้ำมันที่ส่งออกจากภายในประเทศ และความพยายามจะนำวนกลับมาเพื่อจำหน่าย จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่พุ่งสูงขึ้น
เจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนครั้งนี้ ดำเนินการเป็นเครือข่าย เพราะทำการเป็นขั้นตอนและปริมาณน้ำมันจำนวนมาก โดยจากนี้ จะตั้งคณะทำงานร่วมภายในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกับหน่วยงานศุลกากร เพื่อสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม และขยายผลติดตามจับกุมผู้เกี่ยวข้องรายอื่น และผู้ที่รับซื้อมาดำเนินคดี
